การสนับสนุนอาวุธไม่ใช่เป็นมาตรการที่ดีที่สุดสำหรับพันธมิตรต่อต้านกลุ่มไอเอส

Hồng Vân/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม เครื่องบินขนส่ง C-17 ของ สหรัฐได้หย่อนเสบียงอาวุธจากทางอากาศให้แก่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซึ่งปฏิบัติการนี้ของสหรัฐได้มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐประกาศยุติแผน การฝึก  กลุ่มกบฎสายกลาง นับพันคนซึ่งใช้งบประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อต่อต้านกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสไม่กี่วันซึ่งท่าทีล่าสุดนี้ของทางการวอชิงตันแม้ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน แต่ในเฉพาะหน้าก็ได้ทำให้วิกฤตการเมืองในซีเรียมีความวุ่นวายมากขึ้น
(VOVworld)เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม เครื่องบินขนส่ง C-17 ของสหรัฐได้หย่อนเสบียงอาวุธจากทางอากาศให้แก่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคือพันธมิตรอาหรับซีเรียหรือเอสเอซีซึ่งทางการดามัสกัสเรียกกองกำลังนี้ว่า กลุ่มกบฎซึ่งปฏิบัติการนี้ของสหรัฐได้มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐประกาศยุติแผนการฝึก  กลุ่มกบฎสายกลาง นับพันคนซึ่งใช้งบประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อต่อต้านกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสไม่กี่วันซึ่งท่าทีล่าสุดนี้ของทางการวอชิงตันแม้ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน แต่ในเฉพาะหน้าก็ได้ทำให้วิกฤตการเมืองในซีเรียมีความวุ่นวายมากขึ้น

การสนับสนุนอาวุธไม่ใช่เป็นมาตรการที่ดีที่สุดสำหรับพันธมิตรต่อต้านกลุ่มไอเอส - ảnh 1
กลุ่มลุกขึ้นสู้ในซีเรีย (Reuters)


พันธมิตรอาหรับซีเรียคือกลุ่มพันธมิตรทหารสายกลางที่เพิ่งได้รับการจัดตั้ง ประกอบด้วยกองกำลังชาวเคิร์ด กลุ่ม Jayash al-Thuwwar และกลุ่ม Arab Jaysh al-Sanadeed ซึ่งกำลังต่อสู้ในภาคเหนือซีเรียเพื่อช่วยสหรัฐและพันธมิตรรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับเป้าหมายภาคพื้นดินของกลุ่มไอเอส ปัจจุบัน เอสเอซีมีนักรบประมาณ 4 พันถึง5 พันคน
ในครั้งแรก สหรัฐได้ส่งอาวุธทางอากาศให้แก่เอสเอซี 50 ตันซึ่งรวมทั้งอาวุธเบา เช่นปืนและระเบิดมือ นาย Patrick Ryder โฆษกศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐหรือยูเอสซีซีได้ยืนยันว่า กองกำลังสหรัฐได้ทำการตรวจสอบผู้นำของเอสเอซีอย่างรอบคอบเพื่อค้ำประกันว่า กลุ่มนี้ต่อต้านกลุ่มไอเอสอย่างแท้จริง มิใช่สนับสนุนการก่อการร้าย
ยุติภารกิจการฝึกนักรบที่ไร้ประสิทธิภาพและหันมาสนับสนุนอาวุธ

ในความพยายามเพื่อขับไล่กลุ่มไอเอส ตั้งแต่ต้นปีนี้ สหรัฐได้ใช้เงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่โครงการฝึกนักรบ 5,400 นาย แต่แผนการนี้ได้ประสบความล้มเหลวอย่างรวดเร็วเพราะภายในเวลา 6เดือนสามารถทำการฝึกนักรบได้เพียงกว่า 100 คนเท่านั้นซึ่งไม่เป็นไปตามความคาดหวังของทางการสหรัฐและหลังการฝึมีนักรบแค่ 2 ใน 3 เท่านั้นที่เข้าร่วมสงครามต่อต้านกลุ่มไอเอสในซีเรียแถมยังมีนักรบบางคนกลับนำอาวุธที่ได้ไปให้แก่กลุ่มอัลกออิดะห์ซึ่งทำให้ยุทธนาการต่อต้านกลุ่มไอเอสของวองชิงตันตกเข้าสู่ภาวะชงักงัน
ในสภาวการณ์ดังกล่าว วอชิงตันต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการช่วยเหลือให้แก่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียตามแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยยุติโครงการฝึกและหันมาสนับสนุนอาวุธให้แก่กลุ่มฝ่ายต่อต้านต่างๆ ด้วยการสนับสนุนอาวุธอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ พันธมิตรอาหรับซีเรียจะทำการโจมตีครั้งใหญ่ใส่เมือง Raqqa ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสในซีเรีย

การสนับสนุนอาวุธไม่ใช่เป็นมาตรการที่ดีที่สุดสำหรับพันธมิตรต่อต้านกลุ่มไอเอส - ảnh 2
ระเบิดมือของสหรัฐในซีเรีย (Reuters)

อันตรายมากกว่าผลประโยชน์
เป้าหมายการสนับสนุนอาวุธของสหรัฐคือทำให้การต่อต้านกลุ่มไอเอสมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่า สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง สมาชิกวุฒิสภา Chris Murphy เคยแสดงความเห็นว่า สหรัฐควรใช้เงินที่สนับสนุนให้แก่กองกำลังฝ่ายต่อต้านเพื่อแก้ไขปัญหาผู้อพยพและให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในบทความที่ลงในหนังสือพิมพ์ นิวยอร์คไทมส์ฉบับวันที่ 9 ตุลาคม นักวิเคราะห์ Andrew Rosenthal ได้แสดงความเห็นว่า แผนการใหม่ที่ส่งอาวุธให้แก่กองกำลังลุกขึ้นสู้ในซีเรียของสหรัฐเป็นความเพ้อฝันซึ่งเหมือนกับความคิดเห็นของวงการวิเคราะห์สถานการณ์ในการประเมินเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ของสหรัฐในสมรภูมิซีเรียว่า วอชิงตันยากที่จะประสบความสำเร็จในการสนับสนุนกลุ่มลุกขึ้นสู้ที่มีเป้าหมายร่วมกันคือทำให้กลุ่มไอเอสอ่อนแอลง
นอกจากนี้ อาวุธที่ถูกส่งไปยังสมรภูมิไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดซึ่งทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะอาวุธของสหรัฐบางส่วนอาจตกอยู่ในมือของกลุ่มไอเอสหรือกองกำลังลุกขึ้นสู้อื่นๆซึ่งความวิตกกังวลนี้ถือว่ามีเหตุผลเพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดานักรบ Dzhebhat en Nusra ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียได้โพสต์ภาพถ่ายพร้อมปืนเล็กยาวของสหรัฐซึ่งเป็นอาวุธที่สหรัฐได้ส่งไปยังเขตนี้ ในขณะเดียวกัน นาย John Landis ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับซีเรีย ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Oklahoma ได้เผยว่า อาวุธร้อยละ 60-80 ที่สหรัฐส่งให้แก่กองกำลังลุกขึ้นสู้ได้ตกอยู่ในมือของกลุ่มอัลกออิดะห์และเครือข่ายของกลุ่มก่อการร้ายนี้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญโลกได้แสดงความเห็นว่า สิ่งที่สหรัฐควรปฏิบัติในช่วงนี้คือต้องอดทนรอสถานการณ์ในสมรภูมิมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากกว่าการช่วยเหลืออาวุธให้แก่กองกำลังลุกขึ้นสู้ซึ่งมาตรการที่มีเป็นไปได้สูงในการปฏิบัติคือผลักดันก้าวกระโดดทางการทูตเพื่อเปิดทางให้แก่ยุทธนาการที่เป็นเอกภาพเพื่อต่อต้านกลุ่มไอเอสในซีเรีย
แม้จะยังไม่รู้ว่า การสนับสนุนอาวุธทางอากาศให้แก่กองกำลังลุกขึ้นสู้ในซีเรียของสหรัฐจะสามารถขับไล่กลุ่มไอเอสได้หรือไม่แต่ที่ชัดเจนก็คือปฏิบัติการของสหรัฐได้ทำให้วิกฤตการเมืองในซีเรียตกเข้าสู่ระยะใหม่ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากขึ้น.

Komentar