การปะทะในซีเรีย ประเด็นร้อนของการประชุมสุดยอดจี8

Huyen/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)-การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก8 ชาติ หรือจี-8ได้เปิดขึ้นแล้วที่ไอร์แลนด์เหนือ(สหราชอาณาจักร) พร้อมระเบียบวาระการประชุมที่มุ่งหารือความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกแต่ถึงอย่างไรก็ดี ความขัดแย้งด้านนโยบายต่อซีเรียโดยเฉพาะคำถามที่ว่าจะสนับสนุนอาวุธให้แก่กองกำลังฝ่ายค้านในประเทศนี้หรือไม่ก็ถือเป็นประเด็นร้อนของที่ประชุม

(VOVworld)-การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก8 ชาติ หรือจี-8 (ประกอบด้วยฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐ แคนาดาและรัสเซีย)ได้เปิดขึ้นแล้วที่ไอร์แลนด์เหนือ(สหราชอาณาจักร) พร้อมระเบียบวาระการประชุมที่มุ่งหารือความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกแต่ถึงอย่างไรก็ดี ความขัดแย้งด้านนโยบายต่อซีเรียโดยเฉพาะคำถามที่ว่าจะสนับสนุนอาวุธให้แก่กองกำลังฝ่ายค้านในประเทศนี้หรือไม่ก็ถือเป็นประเด็นร้อนของที่ประชุม
การปะทะในซีเรีย ประเด็นร้อนของการประชุมสุดยอดจี8 - ảnh 1
ประธานาธิบดีปูตินพบปะทวิภาคีกับนายกฯอังกฤษ เดวิด คาเมรอนก่อนการประชุมจี-8(Ibtimes)

บรรดาผู้นำของจี-8 เห็นว่าการประชุมปีนี้ถือเป็นโอกาสที่สำคัญเพื่อหารือถึงปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความพยายามผลักดันกิจกรรมการค้าเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ประเทศเจ้าภาพอังกฤษยังอยากใช้โอกาสจากเวทีสำคัญนี้เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อป้องกันการหนีภาษีและเพิ่มความโปร่งใสให้แก่กิจกรรมการค้า  แต่ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าปัญหาเศรษฐกิจมิได้เป็นประเด็นสำคัญที่สุดหากปัญหาซีเรียกลับกลายเป็นประเด็นร้อนแทน โดยก่อนการประชุมหน่วยข่าวกรองสหรัฐได้ประกาศว่าทางการซีเรียใช้อาวุธเคมีและทำเนียบขาวจะมีการตัดสินใจให้การช่วยเหลือฝ่ายค้านในซีเรียในเร็วๆนี้และถึงแม้ยังไม่เปิดเผยแผนการและรายละเอียดแต่สหรัฐได้เตรียมพร้อมเครื่องบินรบเอฟ-16และจรวดแพทริออตบริเวณชายแดนของจอร์แดน ซึ่งท่าทีของสหรัฐได้สร้างกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายมอสโคว์ โดยในขณะที่ประเทศต่างๆในกลุ่มให้การสนับสนุนและเร่งรัดให้กำหนดเขตห้ามบินในซีเรีย  แต่รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของซีเรียได้แสดงท่าทีคัดค้านและกล่าวว่าข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีนั้นเป็นเรื่องปั้นแต่งเหมือนเรื่องอาวุธที่มีอนุภาพการทำลายล้างสูงของนาย ซัดดัมฮุสเซน ผู้นำประเทศอิรักในอดีต แม้ในการพบปะทวิภาคีนอกรอบการประชุมประธานาธิบดีสหรัฐบารักโอบามาได้พยายามโน้มน้าวให้นายปุตินชักจูงให้ประธานาธิบดีบาซาร์ อัลอาสซาดเข้าร่วมการเจรจาเพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมากว่า2ปีในซีเรียแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดยืนของมอสโคว์ที่ว่าการสนับสนุนอาวุธให้แก่ฝ่ายค้านในซีเรียมีแต่จะทำให้สถานการณ์ความรุนแรงทวีขึ้นเท่านั้น ซึ่งในการเจรจาทวิภาคีกับนายกฯอังกฤษ เดวิด คาเมรอน นายปูตินก็ได้ตำหนิฝ่ายตะวันตกในเรื่องนี้เช่นกันพร้อมประกาศสนับสนุนประธานาธิบดีซีเรียและปฏิบัติตามกฎหมายสากลในการส่งมอบอาวุธให้แก่ทางการของนายอาสซาด

ทั้งนี้การประชุมจี-8ถูกมองว่าจะไม่สามารถสร้างก้าวกระโดดใหม่ให้แก่ปัญหาซีเรียได้และผลที่ได้มาก็อาจจะเป็นเพียงการกำหนดกรอบเวลาจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยสันติภาพของซีเรียที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้เท่านั้น เพราะถึงแม้ทุกฝ่ายต่างหวังว่าซีเรียจะเข้าสู่กระบวนการสันติภาพแต่การเข้าถึงปัญหากลับมีความแตกต่างกันในหลายด้านดังนั้นเพื่อให้ประเทศใหญ่ๆสามารถบรรลุมาตรการที่รอบด้านในปัญหาซีเรียนั้นถือเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ในซีเรียยังเป็นไปอย่างซับซ้อน โดยตามข้อมูลข่าวกรองของฝ่ายตะวันตก อิหร่านกำลังมีแผนส่งทหาร4พันนายไปช่วยเหลือทางการดามัสกัส พร้อมคำยืนยันให้ความร่วมมือกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนช่วยทางการของนายบาซาอัลอาสซาดบดขยี่ฝ่ายต่อต้านที่มีฝ่ายตะวันตกและหลายประเทศอาหรับหนุนหลัง มิหนำซ้ำทั้งสองฝ่ายยังมีการจับมือกันเพื่อเปิดแนวรบใหม่ที่ประเทศอิสราเอลเพื่อยึดคืนเขตที่ราบสูงโกลัน โดยปัจจุบันมีชาวซีเรียประมาณ3-5พันคนกำลังได้รับการฝึกที่อิหร่านเพื่อเตรียมให้แก่การบุกยึดเขตที่ราบสูงนี้หากมีคำสั่ง  อีกสัญญาณที่ล่อแหลมสำหรับวิกฤตซีเรียคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีกำลังถูกสงสัยว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยซีเรียผลิตอาวุธเคมีและทางการเปียงยางได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ให้แก่ซีเรียตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่90 ซึ่งล่าสุดนี้ทางการเปียงยางได้ส่งอุปกรณ์ที่จำเป็นในการผลิตอาวุธเคมีให้แก่ซีเรีย

แม้จะยังไม่มีใครตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวดังกล่าวแต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าสถานการณ์ซีเรียนั้นกำลังอยู่ในภาวะวุ่นวายและอาจจะนำไปสู่สงครามที่จะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ส่วนทางด้านประชาคมระหว่างประเทศก็กำลังรอคอยสัญญาณที่ดีจากการประชุมจี-8เพื่อต่อความหวังในการที่จะบรรลุมาตรการยุติการปะทะในซีเรียที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบแสนคนในกว่า2ปีที่ผ่านมา./.

Komentar