HRW ยังคงบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม

Thu Hoa/VOV5
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เมื่อเร็วๆนี้ องค์การเฝ้าติดตามด้านสิทธิมนุษยชนหรือ HRW ได้ประกาศข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและขาดเจตนาดีเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม โดยเฉพาะปัญหาเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นคารมเก่าๆที่ขาดภาวะวิสัยขององค์การ NGO องค์กรหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม
HRW ยังคงบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม - ảnh 1รายการศิลปะสรรเสริญประเทศ 

รายงานล่าสุดขององค์การเฝ้าติดตามด้านสิทธิมนุษยชนหรือ HRW เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนเน้นแก้ต่างให้แก่ผู้ที่ฉกฉวยสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการสื่อสาร การใช้อินเตอร์เน็ตและ facebook โดยเฉพาะ blogger รวมถึงผู้ที่อ้างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคม จากนั้นองค์การ HRW ได้แสดงความเห็นว่า เวียดนามได้ควบคุมสื่อมวลชนและอินเตอร์เน็ตอย่างเข้มงวด จับกุมผู้ที่มี “ทัศนะไม่ตรงกัน” อดีต “นักโทษแห่งมโนธรรม” และ blogger จำนวนมาก

ข้อมูลที่บิดเบือนความจริงและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

องค์การเฝ้าติดตามด้านสิทธิมนุษยชนหรือ HRW มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสหรัฐและมีสำนักงานตัวแทนในบางประเทศ กิจกรรมหลักของ HRW คือเชื่อมโยงระหว่างบุคคล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เก็บรวบรวมเอกสาร จัดทำรายงานประจำปี ให้การสนับสนุนบุคคล “ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน” แต่ในทางเป็นจริง รายงานเกี่ยวกับเวียดนามของ HRW ไม่ได้อ้างอิงแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการของสำนักงาน องค์กรของรัฐ สื่อเวียดนาม องค์การต่างๆของสหประชาชาติ เช่น UNDP UNESCO สภาสิทธิมนุษยชน สถาบันการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ธนาคารโลกและธนาคาร ADB หาก HRW อาศัยแต่แหล่งข่าวที่มีอคติต่อระบอบสังคมนิยมที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งความเห็นจาก blogger ต่างๆ เพื่อจัดทำรายงานนี้ โดยเป้าหมายของ HRW คือใช้ปัญหาสิทธิมนุษยชนเพื่อทำให้ระบอบสังคมนิยมที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอ่อนแอลง องค์การ HRW มักจะแทรกแซงอธิปไตยของเวียดนามอย่างอุกอาจ ด้วยการเรียกร้องให้เวียดนามยุติสิ่งที่เรียกว่า “ปราบปรามผู้ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน” โดยเฉพาะเรียกร้องให้ “เวียดนามยกเลิก แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา” ปฏิบัติการปกครองแบบพหุพรรค

เวียดนามให้ความเคารพและผลักดันสิทธิมนุษยชนอยู่เสมอ

การปกป้องและผลักดันสิทธิของมนุษย์คือนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของรัฐเวียดนาม และได้รับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายเวียดนาม ตลอดจนอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เวียดนามเป็นสมาชิก ตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้อนุมัติเอกสารสำคัญนับสิบฉบับที่เกี่ยวข้องถึงสิทธิมนุษยชนและสิทธิของพลเมืองเพื่อเอื้อให้แก่การแปรข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญปี 2013 ให้เป็นรูปธรรม สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เวียดนามเป็นสมาชิก เช่นอนุสัญญาต่อต้านการทรมานหรือซีเอที อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการหรือซีอาร์พีดีและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ควบคู่กันนั้นเวียดนามยังปฏิบัติหน้าที่และคำมั่นระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษชนอย่างเข้มแข็ง เช่นการเป็นสมาชิกของสภาเศรษฐกิจสังคมของสหประชาชาติหรือ ECOSOC วาระปี 2016-2018 เป็นสมาชิกสภาบริหารองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ UNESCO วาระปี 2015-2019  เข้าร่วมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลอาเซียนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหรือ AICHR อย่างเข้มแข้งและมีความรับผิดชอบสูง เป็นต้น ในทางเป็นจริง ชีวิตด้านวัตถุและจิตใจของประชาชนได้พัฒนาอย่างมั่นคง องค์กรสังคมและประชาชนเข้าร่วมกระบวนการตรวจตราและตรวจสอบการปฏิบัติกฎหมายและนโยบายของรัฐอย่างเข้มแข็ง องค์การศาสนาต่างๆได้รับการอำนวยความสะดวกในการประกอบศาสนกิจ สื่อมวลชนและอินเตอร์เน็ตพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยปัจจุบันเวียดนามติด 1ใน 20 ประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก อยู่อันดับที่ 8 ในเอเชียและอยู่อันดับที่ 2 ในอาเซียน ชาวเวียดนามเกือบ 50 ล้านคนใช้อินเตอร์เน็ต คิดเป็นร้อยละ 52 ของประชากร และสามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างสะดวกผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์

การที่รัฐเวียดนามให้ความเคารพและค้ำประกันสิทธิของมนุษยชนคือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้และก็เป็นที่รับรู้ของประชาคมโลก แต่ในขณะเดียวกันเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและผลประโยชน์ของประชาชน เวียดนามได้ยืนหยัดลงโทษผู้ที่ละเมิดกฎหมาย ฉกฉวยเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชน การแสดงความคิดเห็นและการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพในสังคม ต่อต้านประเทศและประชาชน เดินสวนกับสิทธิผลประโยชน์ของประเทศและประชาชาติ

จากสถานการณ์ที่เป็นจริงในการปกป้องสิทธิมนุษยชนในเวียดนามได้แสดงให้เห็นว่า HRW ได้ใช้แผนกุศโลบายแบบเก่าเพื่อบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนามและรายงานของ HRW ที่ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ถือว่า ไม่มีความหมาย เพราะไม่ได้อาศัยข้อมูลที่ถูกต้อง และภาวะวิสัย ซึ่งขัดกับผลประโยชน์ของประชาชนเวียดนามและผลประโยชน์ของประชาชนที่ใฝ่สันติภาพในโลก.

Komentar