ภายในพื้นที่ห้องโถงของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียกว่า 60 ตารางเมตร นาย Joel หัวหน้ากลุ่ม Wonderful Indonesia Motorbike Touring 2022 ได้เล่าถึงอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางอย่างสนุกเร้าใจให้กับบรรดาสมาชิกชมรมบิ๊กไบค์ฮานอยที่กำลังรับฟังอย่างตั้งใจ พร้อมเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะจากคำแปลของล่ามแปลภาษาในงาน

งานพบปะสังสรรค์ที่จัดขึ้นโดยสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม

แม้ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวหลังจากที่กลุ่มนักขับบิ๊กไบค์ชาวอินโดนีเซียและเวียดนามได้เดินทางร่วมกันด้วยระยะทางราว 400 กิโลเมตร จากด่าน เกิ่วแจว ในจังหวัด ห่าติ๋งห์ ไปยังกรุงฮานอย แต่พวกเขาต่างดูเหมือนเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน ได้สวมกอด จับมือกัน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในงานพบปะสังสรรค์ที่จัดขึ้นโดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ในตอนค่ำ

“เมื่อได้ทราบข่าวว่าเพื่อนๆ นักขับบิ๊กไบค์ชาวอินโดนีเซียจะเดินทางไปหา พวกเรารู้สึกดีใจมาก สายเลือดบิ๊กไบค์ก็กลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง จึงได้ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อให้การต้อนรับ แล้วก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้พาพวกเขาเดินทางมาถึงกรุงฮานอยโดยสวัสดิภาพ"

“เพื่อนๆ นักขับบิ๊กไบค์ชาวเวียดนามได้นำทางและดูแลพวกเราเป็นอย่างดีตลอดเส้นทาง โดยมีรถนำขบวนที่ติดธงถึง 2 คัน เพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากๆ"

นี่เป็นความสุขของทั้งผู้นำทางและสมาชิกในทีมบิ๊กไบค์เมื่อมาถึงที่หมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ผ่านการเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง ระยะทางรวมกว่า 300 กิโลเมตร โดยทีมบิ๊กไบค์เวียดนามได้ให้ข้อมูลและข้อควรระวังต่างๆ เกี่ยวกับการจราจรในเวียดนาม พร้อมทั้งแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารต่างๆ ในระหว่างเส้นทางที่วิ่งผ่าน

นาย เจิ่นแองต๊วน มอบเสื้อยูนิฟอร์มของชมรมบิ๊กไบค์ฮานอย ให้แก่หัวหน้ากลุ่ม Wonderful Indonesia Motorbike Touring 2022

สำหรับนาย เจิ่นแองต๊วน ประธานชมรมบิ๊กไบค์ฮานอยและรองประธานสหพันธ์จักรยานและจักรยานยนต์เวียดนาม ซึ่งเป็นผู้นำคณะนักขับบิ๊กไบค์ชาวเวียดนามเดินทางให้การต้อนรับ การที่กลุ่มนักขับบิ๊กไบค์ชาวอินโดนีเซีย สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รวมถึงมนุษยสัมพันธ์ที่ดีล้วนแต่เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจเป็นพิเศษ

“หลังจากวิ่งผ่านจังหวัดต่างๆ เช่น เหงะอาน แทงฮว้า และนิงบิ่งห์  ผมมีความรู้สึกว่า พวกเขาคือนักขับบิ๊กไบค์ตัวจริง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในระหว่างการเดินทาง ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีความเป็นกันเองและพร้อมให้ความช่วยเหลือกัน อีกทั้งมีความตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

ทั้งนี้ ความห่วงใยพร้อมการดูแลเอาใจใส่ของเพื่อนมิตรชาวเวียดนามให้แก่คณะนักขับบิ๊กไบค์จากอินโดนีเซียนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันดีงามระหว่างกลุ่มนักขับบิ๊กไบค์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งเกิดจากความรักและความคลั่งไคล้รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เมื่อกล่าวถึงความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในอนาคต นาย Joel และนาย เจิ่นแองต๊วน เผยว่า

“พวกเราให้คํามั่นสัญญาว่า จะให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ ชาวเวียดนามเมื่อเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจราจร การหาล่ามแปลภาษา การให้ยืมรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ พร้อมอำนวยความสะดวกในตลอดการเดินทางของพวกเขา”

“พวกเราเคยจัดกิจกรรมระยะไกลแต่ก็เป็นเพียงในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งในฐานะประธานของชมรมบิ๊กไบค์ฮานอย ผมเองก็จะจัดทริปเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอินโดนีเซีย ในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่เพื่อนๆ ชาวอินโดนีเซียได้ให้กำลังใจพร้อมคำมั่นสัญญา ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง”

นักขับบิ๊กไบค์เวียดนามและอินโดนีเซียถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

แม้กิจกรรม Wonderful Indonesia Motorbike Touring ครั้งที่สองได้เสร็จสิ้นลงที่ประเทศเวียดนามแล้ว แต่ความร่วมมือระหว่างชมรมมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเวียดนามกับอินโดนีเซียต่างได้มีการพัฒนาก้าวไปอีกขั้น ซึ่งมีส่วนร่วมในการส่งเสริมไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียอีกด้วย.