เกษตรกรเลี้ยววัวเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ |
นาง เจิ่นถิลาน ในหมู่บ้านหมายเลข 2 ตำบลกือดรัม กำลังตัดสับปะรดในสวนเพื่อนำไปส่งให้แก่พ่อค้าแม่ค้า เธอบอกว่า ในเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา สับปะรดได้กลายเป็นผลไม้หลักที่สร้างรายได้อย่างมีเสถียรภาพให้แก่ครอบครัวของเธอ เมื่อก่อนนี้ ในพื้นที่ 12 เฮกตาร์ของครอบครัว เธอปลูกแต่กาแฟ แต่เมื่อ 5 ปีก่อน เธอได้กู้เงิน 50 ล้านด่งหรือ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารนโยบายสังคมของอำเภอกรงบงเพื่อปรับเปลี่ยนมาปลูกสับปะรดพันธุ์ Cayenne ในพื้นที่ 7 เฮกตาร์ ซึ่งในปีแรก เธอมีรายได้เกือบ 300 ล้านด่งหรือเกือบ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ ช่วยให้เธอสามารถจ่ายเงินกู้คืนให้แก่ธนาคารได้และยังได้กู้เงินเพิ่มเพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่เหลือรวม 5 เฮกตาร์เพื่อปลูกสับปะรดเพิ่มเติม
“เมื่อก่อน ฉันปลูกกาแฟ ซึ่งการดูแลค่อนข้างลำบาก จึงตัดสินใจเปลี่ยนมาปลูกสับปะรด ถ้าหากเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น สับปะรดไม่ต้องดูแลมาก ใช้เงินทุนและปุ๋ยน้อยกว่า แต่ขายได้ราคาดีกว่ากาแฟ ดิฉันได้กู้เงินเพิ่มจากธนาคารฯ เพื่อปลูกสับปะรด”
เขตภูดอยที่รกร้างว่างเปล่าในตำบล กือดรัม ค่อยๆ กลายเป็นสีเขียวด้วยสวนสับปะรด และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำในช่วงฤดูตัดสับปะรด ชาวบ้านได้หาวิธีดูแลเพื่อสามารถเก็บผลผลิตได้ในหลายช่วงเวลาเพื่อไม่ให้ราคาตก นาง เหงียนถิกิมเอี๊ยน จากหมู่บ้านที่ 2 ตำบล กือดรัม กล่าวว่า
“เราปลูกสับปะรดเป็นส่วนใหญ่เพราะเหมาะกับสภาพภูมิอากาศ การปลูกก็ง่ายและต้นสับปะรดก็โตเร็ว ชาวบ้านปลูกมากจึงต้องหาวิธีให้สับปะรดออกผลนอกฤดูกาล เพราะแม้จะขายได้น้อยแต่ก็ได้ราคาดี”
นอกจากสับปะรด ชาวบ้านในตำบล กือดรัม ยังพัฒนาการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ เช่น อะคาเซีย มะม่วงหิมพานต์และไม้ผลอีกหลายชนิด เป็นต้น ซึ่งถึงขณะนี้ ที่ตำบลฯ มีพื้นที่ปลูกอะคาเซียกว่า 700 เฮกตาร์ พื้นที่ปลูกสับปะรด 800 เฮกตาร์และพื้นที่ปลูกทุเรียน ลิ้นจี่ ลำใย ส้มโอและส้มจี๊ดอีกประมาณ 120 เฮกตาร์ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเลี้ยงปศุสัตว์ใต้ร่มเงาของป่าด้วย
จากการเป็นท้องถิ่นที่มีประชากรเป็นชนกลุ่มน้อยกว่าร้อยละ 80 ตำบลกือดรัม ได้รับการสนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาการผลิต ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการให้เงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารนโยบายสังคม โดยชาวบ้านจำนวนมากได้เลือกใช้บริการเงินกู้นี้เนื่องจากดอกเบี้ยไม่แพงและการทำเรื่องขอเงินกู้ไม่ยุ่งยาก นาง เหงียนถิแทงเหวี่ยน รองผู้อำนวยการธนาคารนโยบายสังคมของอำเภอ กรงบง เผยว่า ถึงขณะนี้ ยอดเงินที่ชาวบ้านในตำบลกือดรัม กู้อยู่ที่กว่า 3 หมื่นล้านด่งหรือ 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่ใช้เพื่อเลี้ยงวัวและทำการเกษตร
“ เรากำลังให้กลุ่มเป้าหมาย 12 กลุ่มกู้เงิน ซึ่งเราเน้นใน 3 กลุ่ม 1 คือครอบครัวที่ยากจนและใกล้หลุดพ้นจากความยากจน 2 คือครอบครัวที่เพิ่งหลุดพ้นจากความยากจนและ 3 คือธุรกิจครัวเรือในท้องถิ่นที่ประสบอุปสรรค โดยการให้เงินกู้ต้องผ่านหัวหน้าของกลุ่มและสมาคมต่างๆ ชาวบ้านต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียรและใช้เงินกู้ตรงตามเป้าหมาย”
การที่ประชาชนในตำบลเขตเขา กือดรัม เป็นฝ่ายรุกในการปรับเปลี่ยนพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์โดยการใช้เงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารนโยบายสังคมได้เอื้อประโยชน์ให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจในครัวเรือและมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย.