(VOVworld) - โครงการผลิตกาแฟเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งจัดโดยสถาบันอีดีอีหรืออีดีอีคอนซัลลิงเอเชียแปซิฟิกได้รับการปฏิบัติในจังหวัดดั๊กลักและบางจังหวัดในเขตที่ราบสูงไตเงวียนในตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งวัตถุประสงค์หลักของโครงการคือเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผ่านการผลักดันการถ่ายทอดวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตกาแฟตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งผ่านการปฏิบัติ โครงการได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อการปฏิบัติโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ในจังหวัดดั๊กลัก

จังหวัดดั๊กลักเป็นท้องถิ่นที่ปฏิบัติการสร้างสรรค์ชนบทใหม่เป็นอย่างดี

อำเภอกึมงาร์คือหนึ่งในเขตปลูกต้นไม้อุตสาหกรรมและกาแฟสำคัญของเขตที่ราบสูงไตเงวียนและก็เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเอเดและเมอนงที่มีระดับการพัฒนาต่ำ เมื่อหลายปีก่อน ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่นี่ลำบากมาก หลังจากที่ทางการท้องถิ่นปฏิบัติโครงการเป้าหมายแห่งชาติเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ ทางโครงการอีดีอีได้ให้คำปรึกษาอย่างเข้มแข็งแก่เกษตรกรในการถ่ายทอดวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อผลิตกาแฟซึ่งเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการคือครอบครัวเกษตรกรกว่า 900 ครอบครัวในเขตปลูกต้นไม้อุตสาหกรรมของโครงการ ประกอบด้วยตำบลกว๋างเตี๊ยน กึมงาร์ ชือเซ เออาเกอปามและเอ อาห์ ดิง นาย โด๋แถ่งชูง ผู้อำนวยการโครงการอีดีอีได้เผยว่า เป้าหมายของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ชนบทใหม่จึงได้มีส่วนร่วมยกระดับประสิทธิภาพของการผลิตประกอบธุรกิจตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับสถานการณ์การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักมากขึ้นต่อภูมิภาคนี้“การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นปัญหาที่ร้อนระอุซึ่งส่งผลกระทบถึงทุกครอบครัวและผู้ผลิตในเขตที่ราบสูงไตเงวียน ดั๊กลักคือท้องถิ่นปลูกกาแฟหลักขอประเทศซึ่งในหลายปีมานี้ จังหวัดดั๊กลักได้ประสบอุปสรรค์มากมายโดยเมื่อปีที่แล้ว ดั๊กลักประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง พื้นที่หลายแห่งไม่มีน้ำใช้ ในกรอบโครงการ พวกเราได้แก้ไขบางปัญหา โดยเฉพาะสถานการณ์การใช้ทรัพยากรน้ำ ปุ๋ย ยากำจัดวัชพืชที่ไม่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
โดยก่อนอื่น โครงการอีดีอีได้ให้การช่วยเหลือเกษตรกรสร้างสรรค์รูปแบบสหกรณ์ตามมาตรฐานสร้างสรรค์ชนบทใหม่ซึ่งจากการช่วยเหลือนี้ คณะกรรมการบริหารของสหกรณ์ได้รับการยกระดับความสามารถในการบริหาร การเงินและกิจกรรมต่างๆซึ่งนำผลประโยชน์ที่จริงจังมาให้แก่สมาชิกของสหกรณ์ โครงการได้ช่วยให้เกษตรกรในสหกรณ์ต่างๆร่วมกันทำสวนเพาะพันธุ์ต้นกล้า จัดการซื้อขายยากำจัดวัชพืช ปุ๋ยและขายกาแฟซึ่งได้ช่วยหลีกเลี่ยงการถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา ช่วยลดต้นทุนการผลิต ยกระดับประสิทธิภาพของการผลิตกาแฟและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น นาย โด๋แถ่งชูงได้เผยต่อไปว่า“ในจำนวน 5 ตำบลที่ได้รับเลือกให้ปฏิบัติเป็นการนำร่อง จนถึงขณะนี้ได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีโดยตำบลกว๋างเตี๊ยนซึ่งเป็นตำบลแรกที่ปฏิบัติโครงการได้จัดตั้บสหกรณ์1 แห่งโดยประชาชนเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหาร นอกจากนั้นความสำเร็จอีกประเด็นหนึ่งที่โครงการนำมาก็คือการแนะนำให้ชาวบ้านลงทุนปลูกกาแฟให้เหมาะสมและประหยัดแต่ยังคงได้ผลผลิตสูง”
โครงการอีดีอียังให้ความสนใจถึงผลกระทบต่อสังคมในการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายของโครงการคือชนเผ่าเมอนงและเอเดในภูมิภาคซึ่งผ่านการเข้าร่วมโครงการและการได้รับการฝึกอบรม ชนเผ่าดังกล่าวมีโอกาสเข้าถึงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและรู้จักการบริหารในการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ นาง เฮอ มาย นี เอ ชนเผ่าเอเดในตำบลกว๋างเตี๊ยนที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านให้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการฝึกอบรมได้แสดงความเห็นว่า“ชาวบ้านให้ความสนใจโครงการนี้มาก รวมทั้งผู้สูงอายุ ดิฉันเข้าร่วมการฝึกอบรมนี้เพื่อมีความรู้มากขึ้น ต่อจากนั้น จะเผยแพร่ความรู้ให้แก่ชาวบ้านในการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในการผลิต ซึ่งชาวบ้านก็รับฟังอย่างตั้งใจ”
โครงการอีดีอีแนะนำให้ชาวบ้านรู้จักการปฏิบัติมาตรการประหยัดน้ำ การปลูกไม้ผลแชมในสวนกาแฟซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในพื้นที่ปลูกกาแฟ จนถึงขณะนี้ ภายหลัง 2 ปีที่ปฏิบัติโครงการได้มีตำบล 5 แห่งของอำเภอกัมงาร์บรรลุมาตรฐานตั้งแต่ 9-15 มาตรฐานในการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ กิจกรรมต่างๆในกรอบโครงการอีดีอีได้ถ่ายทอดวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอย่างเข้มแข็งและมีส่วนร่วมต่อโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ในจังหวัดดั๊กลัก./.