รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โด๋หุ่งเวียด - Trần Việt/TTXVN
|
ในการกล่าวในที่ประชุม รัฐมนตรีช่วยว่าการ โด๋หุ่งเวียดได้ยืนยันว่าอาเซียนเป็นศูนย์กลางของสันติภาพ ความมั่นคง ความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจมีส่วนในการส่งเสริมการค้า การลงทุน เสถียรภาพทางการเงิน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค
ในการกล่าวในที่ประชุม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศโด๋หุ่งเวียดได้ยืนยันว่าอาเซียนคือศูนย์กลางของสันติภาพ ความมั่นคง ความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค การให้ความสำคัญทางเศรษฐกิจได้มีส่วนร่วมส่งเสริมการค้า การลงทุน สร้างเสถียรภาพทางการเงิน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค ย้ำถึงความจำเป็นในการส่งเสริมวัฒนธรรมการเจรจาและการปรึกษาหารือ และเชิดชูกฎหมายระหว่างประเทศในการแก้ไขความแตกต่างและข้อพิพาทในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หน่วยงานในอาเซียนจำเป็นต้องเสริมสร้างบทบาทของตนเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ใหม่ได้ดีขึ้น และตอบสนองต่อความท้าทายอย่างมีประสิทธิผล เช่น ความมั่นคงทางทะเล ความมั่นคงทางไซเบอร์ ปัญญาประดิษฐ์ อาชญากรรมข้ามชาติ มลพิษทางทะเล ความมั่นคงของแหล่งน้ำ เป็นต้น
รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศโด๋หุ่งเวียดยืนยันจุดยืนหลักของอาเซียนต่อทะเลตะวันออก โดยเน้นความรับผิดชอบของประเทศต่างๆ ในการสร้างสรรค์ทะเลตะวันออกเป็นทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพและ ปลอดภัย ย้ำถึงเรื่องที่อาเซียนจำเป็นต้องยึดหลักการไม่แทรกแซง สนับสนุนเมียนมาร์ในการหาแนวทางแก้ไขที่ครอบคลุมและเป็นไปได้สูงในการปฏิบัติตามสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งเสริมให้ทุกฝ่ายธำรงการเจรจา สร้างความไว้วางใจ และลดความแตกต่าง
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ประเทศอาเซียนได้เป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารว่าด้วยการเข้าร่วมสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) ของ3 ประเทศ คือคูเวต เซอร์เบีย และปานามา ทำให้จำนวนสมาชิกสนธิสัญญาดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 54 ประเทศ
ส่วนในการกล่าวเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียเรตโน มาซูร์ดี ได้ย้ำถึงความท้าทายของภูมิภาคและเห็นว่าอาเซียนจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นองค์กรที่สนับสนุนต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค โดยอาเซียนได้แสดงบทบาทและพลังที่เข้มแข็งของตนด้วยการดึงดูอีกหลายประเทศเข้าร่วมสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC)และกลายเป็นหุ้นส่วนของอาเซียน อันเป็นการยืนยัน “พลังในการระดม”และการยอมรับมาตรฐานและค่านิยมต่างๆของอาเซียน นอกจากผลงานต่างๆที่ได้บรรลุ รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียยังได้กล่าวว่าอาเซียนยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมาร์ที่อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนกำลังพยายามส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างรอบด้านและบูรณาการ พร้อมทั้งย้ำว่าอาเซียนสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มกำลังก็ต่อเมื่อสามารถค้ำประกันมาตรการแก้ปัญหาในเมียนมาร์อย่างสันติและยั่งยืน.