พิธีลงนามข้อตกลงเอฟทีเอระหว่างเวียดนามกับพันธมิตรเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป
|
(VOVworld) – ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุง เสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศในระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคมถึงวันที่ 6 มิถุนายนโดยเข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอระหว่างเวียดนามกับพันธมิตรเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรปที่ประเทศสาธารณรัฐคาซัคสถาน เยือนแอลจีเรีย โปรตุเกสและบัลแกเรียอย่างเป็นทางการ นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการเยือนดังกล่าวโดยเผยว่า ในกรอบการเยือนคาซัคสถาน เรามีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจพหุภาคี ส่วนการเยือนแอลจีเรีย โปรตุเกสและบัลแกเรียมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมสัมพันธ์ทวิภาคีที่หลากหลาย การลงนามข้อตกลงการค้าเสรีฉบับแรกระหว่างประเทศสมาชิกของพันธมิตรเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรปกับเวียดนามคือกิจกรรมที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ เปิดแนวทางความร่วมมือทั้งกับเวียดนามและอาเซียน ตลอดจนสร้างโอกาสใหญ่ให้แก่เวียดนามเพื่อขยายความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนกับตลาดที่มีประชากรกว่า 170 ล้านคน มีการขยายตัวของจีดีพีอยู่ที่กว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและมียอดมูลค่าการค้าเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บุ่ยแทงเซินได้เผยว่า แอลจีเรีย โปรตุเกสและบัลแกเรียต่างย้ำว่า การเยือนของนายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงประจวบกับช่วงที่ต้องส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีอย่างก้าวกระโดดและพื้นฐานทางการเมืองที่เข้มแข็งเพื่อก้าวรุดหน้าต่อไป ยกระดับการพัฒนาให้สูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกฝ่าย ดังนั้นการเจรจา เข้าเยี่ยมคาราระและการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงกับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีและประธานรัฐสภาของประเทศต่างๆดังกล่าวคือโอกาสเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในอนาคต
สำหรับแอลจีเรีย ทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าไว้ว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจะเพิ่มขึ้นจาก 250 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบันขึ้นเป็นกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีต่อๆไป สำหรับโปรตุเกส ทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องกันว่า จะเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนจาก 360 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน ขึ้นเป็น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สำหรับบัลแกเรีย ทั้งสองฝ่ายได้เน้นแปรมาตรการและแนวทางปฏิบัติ “รูปแบบร่วมมือด้านเศรษฐกิจใหม่” ที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องกันอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศต่างๆดังกล่าวได้ชื่นชมการประสานงานของเวียดนามกับประเทศเหล่านี้และบทบาทที่นับวันเพิ่มมากขึ้นของเวียดนามในฟอรั่มทั้งในระดับภูมิภาคและโลกและมีความประสงค์ว่าจะหารือและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเวียดนามต่อไป โดยเฉพาะในสหประชาชาติ องค์การและฟอรั่มระหว่างประเทศต่างๆ./.