จนถึงขณะนี้ เวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 9.4 ล้านราย มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาหายสะสมอยู่ที่กว่า 7.2 ล้านราย
ส่วนตามรายงานสถิติของเว็บไซต์ worldometers.info จนถึงบ่ายวันที่ 30 มีนาคม ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมกว่า 484.4 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 6.15 ล้านราย สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก รองลงมาคืออินเดียและบราซิล
ที่ประเทศสหรัฐ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคหรือ CDC ของสหรัฐได้ประกาศว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ในสหรัฐคิดเป็นร้อยละ 54.9 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ตามผลการวิจัยเบื้องต้น เชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า BA.1 ร้อยละ 30 ในสภาวการณ์นี้ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐหรือFDA ได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาเพื่อทำการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้แก่ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเนื่องจากความวิตกกังวลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่ค่อย ๆ ลดลง นอกจากนี้ FDA ยังอนุญาตให้ทำการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้แก่ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 จะห่างจากเข็มที่ 3 อย่างน้อย 4 เดือนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนและลดความเสี่ยงที่ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล.