ยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม-ฝรั่งเศสให้กลายเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์

Chia sẻ
(VOVworld)–นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้ออกแถลงการณ์ร่วมยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม ฝรั่งเศสให้เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ซึ่งเปิดระยะใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งด้านทวิภาคีและพหุภาคี

ยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม-ฝรั่งเศสให้กลายเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ - ảnh 1
ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง และท่าน ฟร็องซัว ออลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

(VOVworld) – วันที่ 26 กันยายน ท่าน เหงียนเตินหยุง นายกรัฐมนตรีและคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามได้เดินทางออกจากกรุงปารีส เสร็จสิ้นการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการโดยเดินทางต่อสหรัฐเพื่อเข้าร่วมการหารือระดับสูงของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 68 
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 25 กันยายน ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ได้เจรจากับท่าน ณอง มาร์ก เอโร นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสโดยนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้ออกแถลงการณ์ร่วมยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม ฝรั่งเศสให้เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ เปิดระยะใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศทั้งด้านทวิภาคีและพหุภาคี
ในการเจรจา นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกับแนวทางและมาตรการใหญ่เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยเวียดนามและฝรั่งเศสจะผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง ปรับปรุงระเบียบการสนทนาและความร่วมมือ เช่น หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ คณะกรรมการผสมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านกลาโหม การสนทนาระดับสูงประจำด้านเศรษฐกิจและการประชุมร่วมมือในทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง การป้องกันประเทศ เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษาและฝึกอบรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการพบปะระดับประชาชน

ยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม-ฝรั่งเศสให้กลายเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ - ảnh 2
ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงและท่าน ณอง มาร์ก เอโร นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส

ท่าน ณอง มาร์ก เอโร นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ให้ความสำคัญต่อผลการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนาม โดยเฉพาะการแก้ไขวิกฤติเศษรฐกิจ ตลอดจนประเมินบทบาทและสถานะของเวียดนามที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นบนเวทีโลก  ส่วนในการแถลงข่าวหลังการเจรจา ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ได้ยืนยันว่าแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม ฝรั่งเศสคือนิมิตหมายและมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในสภาวะการณ์ที่ทั้งสองประเทศรำลึกครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ด้านการทูต เวียดนาม จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนของทั้งสองประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมโยงหุ้นส่วน ผลักดันการลงทุนและประกอบธุรกิจในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในด้านที่ฝรั่งเศสมีจุดแข็งและเวียดนามมีความต้องการ เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การคมนาคม สาธารณสุข การเกษตร การแปรรูปอาหารและสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนให้แก่กันและร่วมกันพัฒนา ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า เพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลทั้งสองประเทศต้องมีโครงการที่เป็นรูปธรรม
ในด้านพหุภาคี ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงและท่าน ณอง มาร์ก เอโร ได้เห็นพ้องกันว่า ทั้งสองประเทศต้องขยายความร่วมมือในฟอรั่มระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ อาเซียน-อียูและประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ฝรั่งเศสสนับสนุนจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานการให้ความเคารพกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลปี 1982 ปฏิบัติแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือ ดีโอซี อย่างเคร่งครัดและจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี โดยเร็ว สำหรับปัญหานี้ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการเจรจา นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ยืนยันว่าฝรั่งเศสสนับสนุนการเดินเรืออย่างเสรีในทะเลตะวันออก การให้ความเคารพกฎหมายสากลและมีความปรารถนาว่า ทุกฝ่ายจะบรรลุซีโอซี พวกเราเห็นว่า หลายประเทศมีจุดยืนเหมือนเวียดนามเกี่ยวกับการเดินเรืออย่างเสรี การรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก ฝรั่งเศสส่งเสริมให้ประเทศต่างๆพิสูจน์ให้เห็นถึงบทบาทของตนบนพื้นฐานการให้ความเคารพเอกราช อธิปไตยและสิทธิอัตวินิจฉัยของประเทศที่เกี่ยวข้อง ปัญหาทะเลตะวันออกต้องได้รับการแก้ไขผ่านการสนทนา ให้ความเคารพกฎหมายสากลและกระบวนการจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกเป็นสิ่งที่มีความสอดคล้องกับสถานการณ์
หลังการเจรจา ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงและท่าน ณอง มาร์ก เอโร ได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศสโดยกำหนดแนวทางความร่วมมือใน 5 ด้านคือการเมือง การทูต ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน
นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างกระทรวง หน่วยงานและสถานประกอบการของทั้งสองประเทศในด้านสาธารณสุข ธนาคาร คมนาคมและปีโตรเลี่ยม
ในวันเดียวกัน ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ได้พบปะหารือกับท่าน ฟร็องซัว ออลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและนาย จอนเปียร์ เบล ประธานวุฒิสภาฝรั่งเศส./.

แถ่งจูง ผู้สื่อข่าวของวีโอวีรายงานจากกรุงปารีส

Komentar