จนถึงขณะนี้ เวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,280,780 รายและมีผู้ที่ได้รับการรักษาหายสะสม 1,006,459 ราย

ตามรายงานสถิติของเว็บไซต์ worldometers.info จนถึงบ่ายวันที่ 3 ธันวาคม ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมกว่า 264.4 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 5.2 ล้านราย สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดโดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 8แสน 6 พันรายจากจำนวนผู้ป่วยสะสม 49.6 ล้านราย รองลงมาคืออินเดียและบราซิล  ในขณะเดียวกัน หลายประเทศในโลกได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งสหรัฐ โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐได้เผยว่า รัฐแคลิฟอร์เนีย โคโลราโดและมินนิโซตาได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์นี้รายแรก ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย

ในวันเดียวกัน ที่โอเชียเนีย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียได้เผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนอีกหนึ่งราย ซึ่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนในประเทศนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ราย  ส่วนในภูมิภาคเอเชียใต้ อินเดียได้ประกาศว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนรายแรก 2 ราย ซึ่งความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนทำให้หลายประเทศต้องเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติมาตรการรับมือการแพร่ระบาด

กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียได้ประกาศว่า จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากกว่า 20 ประเทศและดินแดนที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์นี้มาเที่ยวเกาะลังกาวีตามรูปแบบทราเวลบับเบิ้ล ส่วนทางการทุกระดับของเยอรมนีได้เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  องค์การอนามัยโลกได้เผยว่า ประเทศต่างๆในแอฟริกากำลังพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนผ่านการตรวจหาเชื้อและมาตรการควบคุมเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่กำลังเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 54  ต่อสัปดาห์โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศในแถบแอฟริกาใต้.