นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งและนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌ็อง กัสเต็กซ์ |
ส.ว. Catherine Deroche ประธานกลุ่มส.ส.มิตรภาพฝรั่งเศส-เวียดนามของวุฒิสภาฝรั่งเศสได้ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ที่คล่องตัวระหว่างสองประเทศที่นับวันได้รับการเสริมสร้าง พร้อมทั้งประเมินว่า การเยือนฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง เป็นกิจกรรมระดับสูงกิจกรรมแรกระหว่างสองประเทศหลังจากที่ชะงักงันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เมื่อปี 2018 ทั้งสองประเทศได้มีกิจกรรมทวิภาคีต่างๆ โดยเฉพาะการเยือนฝรั่งเศสของเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ่องเมื่อเดือนมีนาคมปี 2018 การเยือนเวียดนามของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส Édouard Philippe เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ซึ่งการเยือนต่างๆได้มีส่วนช่วยให้ทั้งสองประเทศกำหนดกระบวนการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ถูกระบุในแถลงการณ์ร่วมฝรั่งเศส-เวียดนามและผ่านการลงนามข้อตกลงและสัญญาต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ในปี 2023 จะมีการจัดกิจกรรมทวิภาคีที่สำคัญๆ มีส่วนร่วมผลักดันและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมทั้ง การรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์
ในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในเวียดนาม ส.ว. Catherine Deroche ได้ย้ำว่า การเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันในทั่วโลก โดยเฉพาะการปกป้องเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจะช่วยลดผลกระทบของโควิด -19 ต่อสุขภาพของชุมชนและเศรษฐกิจ
สำหรับนโยบายของอียู โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่มุ่งสู่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเวียดนามเป็นประตูของภูมิภาค ส.ว. Catherine Deroche ได้ประเมินว่า ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนับวันยืนยันบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในศตวรรษที่ 21 พร้อมทั้งย้ำว่า ฝรั่งเศสติดตามสถานการณ์ทะเลตะวันออกและยืนหยัดจุดยืนเกี่ยวกับการแก้ไขการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล สิทธิเสรีภาพในการเดินเรือและการบินตามอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 .