วันที่ 27 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 บรรดาผู้แทนได้ประชุมครบองค์เพื่อหารือเกี่ยวกับเอกสารฉบับต่างๆของสมัชชาใหญ่พรรคฯ (VGP) |
ในช่วงเช้า การประชุมมีขึ้นภายใต้อำนวยการของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก หนึ่งในเนื้อหาที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมคือการปลุกเร้าพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติและให้ความสำคัญต่อทัศนะถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ในการอ่านรายงานในเช้าวันที่ 27 มกราคม นาย เจิ่นแทงเหมิน ประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้ย้ำว่า ประเทศกำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกซึ่งกำหนดปัญหาใหม่ๆ การพัฒนาที่หลากหลาย คล่องตัวและความต้องการด้านคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นทั้งด้านวัตถุและจิตใจของประชาชน ในขณะที่ผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โรคระบาดและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนับวันเพิ่มมากขึ้น ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนและชนชั้นทางสังคมก็เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ในเวลาที่จะถึง กิจกรรมของแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามต้องมุ่งสู่ท้องถิ่น ระดมพลังที่เข้มแข็งของประชาชนเกือบ 100 ล้านคนทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อร่วมกันปฏิบัติมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 ให้ประสบความสำเร็จ
นาย เจิ่นแทงเหมิน ประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม (VGP) |
นาย เหงียนห่งหลิง รองหัวหน้าคณะกรรมการรณรงค์มวลชนส่วนกลางได้กล่าวถึงความสำคัญของการปลุกเร้าพลังที่เข้มแข็งของประชาชนว่า
“หนึ่งในบทเรียนสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์คือการถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมบทบาทการเป็นเจ้าของ ความคิดสร้างสรรค์และแหล่งพลังของประชาชนในการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ จากความต้องการของสถานการณ์ที่เป็นจริงและเป้าหมายพัฒนาอย่างยั่งยืนของพรรค ยิ่งต้องให้ความสนใจถึงการระดม รณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติแนวทางของพรรค นโยบาย กฎหมายของรัฐ ส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของประชาชน สร้างความพร้อมใจในการปฏิบัติขบวนการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ ปฏิบัติการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยให้ประสบความสำเร็จ”
ในการพูดคุยกับสื่อมวลชน นาย เหงียนซวนทั้ง ผู้อำนวยการสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์และประธานสภาทฤษฎีส่วนกลางได้ย้ำว่า
“สำหรับด้านทฤษฎีในเอกสารของสมัชชาใหญ่ มี 2 ประเด็นหลัก 1คือการเน้นย้ำถึงบทบาทการนำของพรรค ประการที่ 2 คือการเน้นย้ำถึงบทบาทการเป็นศูนย์กลางของประชาชนซึ่งเป็นทั้งผู้เข้าร่วมและผู้ที่ได้รับประโยชน์ นี่คือความดีเลิศของลัทธิสังคมนิยม เพราะพวกเราต้องการประชาชาติที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาก้าวรุดหน้าไปให้ทัดเทียมกับประเทศต่างๆในโลก อีกทั้งเป็นประชาชาติที่ประชาชนมีเสรีภาพ มีความสุขและทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนได้ประโยชน์และไม่มีใครที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นั่นคือแนวทางสังคมนิยมเวียดนาม” .
ในการประชุมในช่วงเช้า บรรดาผู้แทนได้หารือเกี่ยวกับมาตรการเพื่อปฏิบัติเป้าหมายในระยะสั้นจนถึงปี 2025 และจนถึงปี 2030 เวียดนามพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและมีรายได้ปานกลางในระดับสูงภายในปี 2030 ส่วนจนถึงปี 2045 เป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูง อีกทั้งเสร็จสิ้นการสร้างสรรค์รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ภายในปี 2025
ในการหารือเกี่ยวกับการสร้างสรรค์และปรับปรุงระบบการเงินแห่งชาติตามแนวทางที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ นาย ดิงเตี๊ยนหยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เผยว่า เวียดนามได้ผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สาธารณะตามแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น เพิ่มอัตราการกู้เงินภายในประเทศจากร้อยละ 39 ในปี 2011 ขึ้นเป็นร้อยละ 64 ในปี 2020 ลดขนาดหนี้สาธารณะจากร้อยละ 63.7 ในปี 2016 ลงเหลือร้อยละ 55.8 ของจีดีพีในปลายปี 2020
“เป้าหมายจนถึงปี 2025 คือจะเสร็จสิ้นการสร้างสรรค์รัฐบาลอิเล็อกทรอนิกส์ รัฐบาลดิจิทัลในด้านการเงินแห่งชาติและการเงินสาธารณะ เช่นงบประมาณแผ่นดิน ภาษีศุลกากร หลักทรัพย์และการบริหารเงินทุนภาครัฐในสถานประกอบการ”
บรรดาผู้แทนได้เห็นพ้องกับแนวทางในรายงานการเมืองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว การปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย เน้นพัฒนานวัตกรรม ผลักดันการพัฒนาระบบดิจิทัลแห่งชาติ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมดิจิทัล อีกทั้งต้องมียุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจฐานความรู้ในช่วงปี 2021-2030 และวิสัยทัศน์จนถึงปี 2045
นาย เจิ่นห่งห่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (vietnamplus) |
ในการหารือเกี่ยวกับร่างเอกสารฉบับต่างๆเพื่อยื่นเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 บ่ายวันที่ 27 มกราคม นาย เจิ่นห่งห่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้เผยว่า นี่คือครั้งแรกที่รายงานการเมืองและยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจสังคม 10 ปีกล่าวถึงแนวทางใหม่คือการสร้างสรรค์เศรษฐกิจหมุนเวียนในช่วงปี 2021-2030 โดยเศรษฐกิจหมุนเวียนคือการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมมาเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืนที่ลดปฏิบัติการที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและนำประโยชน์มาให้มากมาย สำหรับประเทศได้สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประเทศในการแก้ไขความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับมาแปรรูปเพื่อกลับไปใช้อีกและจำกัดการปล่อยมลพิษ สำหรับสังคม จะช่วยลดด่าใช้จ่ายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยกระดับสุขภาพ สำหรับสถานประกอบการ ลดค่าใช้จ่ายในการผลิต เพื่อผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนในเวียดนาม รัฐมนตรี เจิ่นห่งห่าได้เสนอว่า
“ต้องถือการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่นี้เป็นมาตรการหลักเพื่อยกระดับคุณภาพการขยายตัว เป็นฝ่ายรุกในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผมขอเสนอให้คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 13 พิจารณาประกาศใช้มติเกี่ยวกับรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน สถานประกอบการและประชาชนมีบทบาทเป็นศูนย์กลาง พวกเราจะพัฒนาตัวเมือง อุตสาหกรรม การเกษตรตามแนวทางนี้และการบริโภคที่ยั่งยืน”
สำหรับปัญหาเศรษฐกิจ นาย เหงียนซวนเกื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทได้ย้ำว่า การพัฒนาการเกษตรเชิงพาณิชย์ควบคู่กับการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ตามแนวทางที่ทันสมัย ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกคือเป้าหมายสำคัญและเป็นการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่และยาวนาน.