ภาพฟอรั่ม (VNA) |
มติที่ 20 ของคณะกรรมการกลางพรรคฯได้ตั้งเป้าหมายว่า จนถึงปี 2030 จะมีสหกรณ์ 4 หมื่น 5 พันแห่ง รวมสมาชิก 8 ล้านคน มีสหพันธ์สหกรณ์ 340 แห่ง รวมองค์กรสมาชิก 1 พัน 7ร้อยแห่ง โดยมีสหกรณ์กว่า 5 พันแห่งที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตและการจำหน่ายสินค้าเกษตร จนถึงปี 2045 ภาคเศรษฐกิจส่วนรวมทุกแห่งต่างประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและมีการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในการผลิต ประกอบธุรกิจและบริการ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้งได้ยืนยันว่า พรรค รัฐและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาให้ความสนใจต่อการพัฒนาภาคเศรษฐกิจส่วนรวมอยู่เสมอ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สำคัญในการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก สอดคล้องกับเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม ซึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจ ความร่วมมือและสหกรณ์ ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต ประกอบธุรกิจ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อสอดคล้องกับการพัฒนาในระยะใหม่
โดยการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลคือกุญแจสู่การผลักดันวิธีการบริหาร รูปแบบภาคเศรษฐกิจส่วนรวม สหกรณ์ ซึ่งต้องผลักดันการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศ นวัตกรรม การระดมทุกแหล่งพลังและสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาทัดเทียมกับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ
นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้งได้กำชับให้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในการบริหารภาครัฐในด้านนี้ สร้างสรรค์และปรับปรุงระเบียบการเพื่อสร้างกรอบทางนิตินัยที่เอื้อให้แก่การพัฒนานวัตกรรม ยกระดับประสิทธิภาพกิจกรรมต่างๆในด้านนี้เพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน มีนโยบายช่วยเหลือ ดึงดูดแหล่งพลัง ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและขยายตลาดสำหรับภาคเศรษฐกิจส่วนรวม เป็นต้น ตลอดจนกำชับให้วิเคราะห์โอกาสและความท้าทายในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลทั้งในระดับประเทศและในด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือและสหกรณ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเสนอมาตรการ ระเบียบการและนโยบายเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในด้านนี้.