ความร่วมมือกับสหประชาชาติมีความสำคัญในนโยบายการต่างประเทศของเวียดนาม

Chia sẻ
(VOVWORLD) -เมื่อค่ำวันที่ 21 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมระหว่างประเทศในกรุงฮานอย ประธานประเทศ เหงวียนซวนฟุกและเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้เป็นประธานในพิธีรำลึกครบรอบ 45 ปีการที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ
ความร่วมมือกับสหประชาชาติมีความสำคัญในนโยบายการต่างประเทศของเวียดนาม - ảnh 1ประธานประเทศ เหงวียนซวนฟุก เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรสและบรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมพิธี

ในการกล่าวปราศรัยในพิธี ประธานประเทศ เหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า การที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 20 กันยายนปี 1977 เป็นนิมิตหมายในกระบวนการสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิเวียดนาม เวียดนามมีความภาคภูมิใจเกี่ยวกับความพยายามปฏิบัติภาระหน้าที่ของสหประชาชาติ ปฏิบัติเป้าหมายและโครงการต่างๆของสหประชาชาติ ความคิดริเริ่มของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติให้เป็นรูปธรรม จากการเป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เวียดนามได้กลายเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบในทุกด้านของสหประชาชาติ ปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน  เวียดนามได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจประชาชนเวียดนาม รวมทั้งทหารหญิงหลายคนเข้าร่วมคณะเฉพาะกิจของสหประชาชาติในประเทศซูดานใต้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางและเขตแอบเบย์  ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เวียดนามได้ผลักดันระเบียบวาระการประชุมเกี่ยวกับสตรี สันติภาพและความมั่นคง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อสิทธิของมนุษย์ เวียดนามรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนวาระปี 2023 - 2025  ปัจจุบัน เวียดนามกำลังพยายามปรับเปลี่ยนการใช้พลังงาน การปรับเปลี่ยนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ที่ 0% ภายในปี 2050 ประธานประเทศ เหงวียนซวนฟุกได้ย้ำว่า

“ พวกเราตั้งความหวังว่า สหประชาชาติจะมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในธรรมาภิบาลโลกต่อไป มีส่วนช่วยส่งเสริมความสามัคคีระหว่างประเทศ ประสานความพยายามพหุภาคีในการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและความร่วมมือเพื่อการพัฒนา เพื่อโลกที่ไม่มีการปะทะและความอยุติธรรม มนุษย์หลุดพ้นความยากจนและความล้าสมัย สำหรับเวียดนาม เวียดนามต้องผ่านช่วงสงครามต่อสู้กู้ชาติที่ยาวนานและยากลำบากมาแล้วหลายครั้ง จึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความหมายของสันติภาพและคุณค่าของการพัฒนา มีความตั้งใจปฏิบัติเป้าหมายประชาชนมั่งคั่ง ประเทศเจริญเข้มแข็ง สังคมยุติธรรม มีประชาธิปไตย มีอารยธรรมและ มุ่งสู่การพัฒนาเป็นประเทศที่พัฒนาและมีรายได้ในระดับสูงในปี 2045 บนเส้นทางนี้ ความร่วมมือกับสหประชาชาติมีความหมายสำคัญในนโยบายการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย   การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในทุกด้าน กว้างลึกและมีประสิทธิภาพของเวียดนาม เวียดนามจะพยายามปฏิบัติกิจกรรมความร่วมมือกับสหประชาชาติอย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมแก้ไขความท้าทายระดับโลก พยายามเพื่อสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในโลก”

ส่วนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แสดงความประสงค์ว่า สหประชาชาติและเวียดนามจะผลักดันความร่วมมือต่อไป เขียนหน้าใหม่ในการพัฒนาของเวียดนาม โดยถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค้ำประกันความยุติธรรมทางสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“เวียดนามกำลังมีโอกาสเพื่อกลายเป็นประเทศเดินหน้าในการส่งเสริมคุณค่าใหม่ เพื่อให้พวกเราสามารถปกป้องอนาคตที่ปลอดภัยจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจของตนและเปลี่ยนแปลงโลก สหประชาชาติรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหุ้นส่วนของเวียดนามในการก้าวรุดหน้าไปบนเส้นทางนี้  ก้าวรุดหน้าไป- ร่วมกันก้าวรุดหน้าไปดังเนื้อร้องของเพลงชาติเวียดนาม ”

เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติแสดงความยินดีต่อการที่เวียดนามได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบรรดาประเทศสมาชิกเพื่อสันติภาพ การพัฒนาอย่างยั่งยืนและสิทธิของมนุษย์ อีกทั้งชื่นชมการที่เวียดนามผลักดันการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน การปฏิบัติการปฏิวัติด้านพลังงานหมุนเวียนและบรรลุเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ที่ 0% ภายในปี 2050  แต่เวียดนามต้องการความช่วยเหลือเพื่อผลักดันกระบวนการปรับเปลี่ยนและพัฒนาศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ย้ำถึงความจำเป็นในการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนด้านพลังงานที่เป็นธรรม เวียดนามเป็นประเทศที่เดินหน้าในกระบวนการนี้ เดินหน้าในการจัดกรอบความร่วมมือใหม่เพื่อผลักดันการปรับเปลี่ยนเป็นพลังงานหมุนเวียนที่เป็นธรรมและครอบคลุมผ่านความสัมพันธ์หุ้นส่วนเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพลังงานที่เป็นธรรม และเวียดนามได้กลายเป็นตัวอย่างในการพัฒนาใหม่.

Komentar