การศึกษาเป็นการบุกเบิกไปสู่การพัฒนาแหล่งบุคลากรในเขตชนเผ่าและเขตเขา

Chia sẻ
(VOVworld) –  การศึกษาเป็นการบุกเบิกไปสู่การพัฒนาแหล่งบุคลากรในเขตชนเผ่าและเขตเขา
การศึกษาเป็นการบุกเบิกไปสู่การพัฒนาแหล่งบุคลากรในเขตชนเผ่าและเขตเขา - ảnh 1
เด็กชนกลุ่มน้อยได้ไปโรงเรียน

(VOVworld) –   วันที่๑๔เดือนนี้ ณ กรุงฮานอยได้มีการจัดฟอรั่ม“สภาพที่เป็นจริงและมาตรการเพื่อพัฒนาแหล่งบุคลากรในเขตชนเผ่าและเขตเขาจนถึงปี๒๐๒๐”ที่คณะกรรมการชนเผ่าประสานกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำเวียดนามจัดขึ้นโดยมีตัวแทนรัฐบาล รัฐสภา องค์กรชำนัญแห่งสหประชาชาติประจำเวียดนาม บรรดาหุ้นส่วนพัฒนา สำนักงานวิจัยและชนกลุ่มน้อยจำนวนหนึ่งเข้าร่วม  เวียดนามมี๕๔ชนเผ่าซึ่งประชากรชนกลุ่มน้อยคิดเป็นกว่าร้อยละ๑๔ของประชากรของทั้งประเทศ และส่วนใหญ่อาศัยในเขตเขา  เขตทุรกันดารและชายแดน  ฟอรั่มได้ยืนยันว่า แหล่งบุคลากรมีบทบาทชี้ขาดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมดังนั้นต้องถือการลงทุนพัฒนาแหล่งบุคลากรเป็นการลงทุนให้แก่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต   เพื่อพัฒนาแหล่งบุคลกรในเขตชนชนกลุ่มน้อยและเขตเขา คณะกรรมการชนเผ่าได้เสนอว่า ต้องวางยุทธศาสตร์พัฒนาแหล่งบุคลากรในทุกด้านให้แก่ชนกลุ่มน้อยแต่เนิ่นๆโดยถือการศึกษาเป็นการบุกเบิกและนโยบายต้องสอดคล้องกับลักษณะของเขต ภาคและกลุ่มชนเผ่า รัฐควรมีนโยบายให้สิทธิพิเศษในการลงทุนให้แก่เขตชนกลุ่มน้อย แต่ชนกลุ่มน้อยก็ต้องส่งเสริมจิตใจพึ่งพาตนเองในเชิงรุก มีผู้แทนจำนวนหนึ่งเห็นว่า ควรจัดตั้งสถาบันชนกลุ่มน้อยเพื่อฝึกอบรมนักเรียนชนกลุ่มน้อยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา ดร. Phan Văn Hùngรองหัวหน้าคณะกรรมการชนเผ่าได้กล่าวว่า       “ต้องพัฒนาแหล่งบุคลากรทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เช่น พัฒนาสรีระร่างกาย สติปัญญาของเยาวชน ยกระดับคุณภาพของการศึกษาเพื่อผลิตผู้ที่มีความสามารถพร้อมทั้งมีโครงการฝึกอบรมผู้ที่มีทักษะความสามารถเพื่อให้แต่ละเผ่าต่างมีปัญญาชนพัฒนาเพื่อชนเผ่าตนพร้อมทั้งส่งเยาวชนดีเด่นไปศึกษาในต่างประเทศเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ”  ในการนี้ ตัวแทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำเวียดนามและบรรดาหุ้นส่วนพัฒนาได้ให้คำมั่นว่า จะช่วยรัฐบาลเวียดนามพัฒนาแหล่งบุคลากรในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขาต่อไป    องค์กรชำนัญแห่งสหประชาชาติประจำเวียดนามเห็นว่า การพัฒนาของชนกลุ่มน้อยเป็นหนึ่งในปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในแผนการร่วมระหว่างสองฝ่ายในช่วงปี๒๐๑๒ถึงปี๒๐๑๖./.


Komentar