การโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเที่ยงวันที่ 1 พฤศจิกายนได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเกือบ 100 คน ก่อนหน้านั้น อิสราเอลได้โจมตีใส่ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 400 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธ์
ในค่ำวันเดียวกัน นาย โยอาฟ กัลลันต์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ได้เผยว่า กองทัพอิสราเอลได้ยิงจรวดและปืนใหญ่กว่า 10,000 ลูกใส่ฉนวนกาซานับตั้งแต่เปิดการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พร้อมทั้งเตือนว่า การสู้รบในฉนวนกาซาจะรุนแรงและยืดเยื้อ ในขณะเดียวกัน กองกำลังป้องกันอิสราเอลหรือ IDF ได้ระบุว่า มีทหาร 16 นายเสียชีวิตในการสู้รบในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน
ในวันเดียวกัน นาย ไอย์มาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน ได้เรียกเอกอัครราชทูตจอร์แดนประจำเทลอาวีฟกลับประเทศเพื่อประท้วงการโจมตีใส่ฉนวนกาซาของอิสราเอล ส่วนโคลัมเบียและชิลีก็เรียกเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอลกลับประเทศเพื่อเป็นการประท้วงเช่นกัน ในขณะที่รัฐบาลปาเลสไตน์ได้เรียกร้องให้จัดการชุมนุมประท้วงทั่วฉนวนกาซาและเยรูซาเลมตะวันออก
สำหรับการช่วยเหลือดด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา พลเมืองที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศในฉนวนกาซากว่า 300 คนได้รับอนุญาตให้ผ่านจุดผ่านแดน ราฟาห์ของอียิปต์และก่อนหน้านั้นมีผู้ป่วยชาวปาเลสไตน์ 76 คนได้รับอนุญาตให้ผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์
ส่วนคณะกรรมการปกป้องเด็กแห่งสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ปกป้องเด็ก พร้อมทั้งแสดงความกังวลที่มีเด็กถูกจับกุมเป็นตัวประกันและเรียกร้องให้ยุติการกระทำนี้ทันที.