รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน “เส้นทางสู่สันติภาพ”

Chia sẻ
(VOVWORLD) - เมื่อ 50 ปีก่อน วันที่ 30 เมษายนปี 1975  ธงของแนวร่วมปลดปล่อยภาคใต้โบกสะบัดบนหลังคาของทำเนียบเอกราชในไซ่ง่อน ซึ่งก็คือทำเนียบเอกภาพในนครโฮจิมินห์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า ยุทธนาการโฮจิมินห์ประสบความสำเร็จ รวมประเทศเป็นเอกภาพ เมื่อหวนมอง 50 ปีที่ผ่านมา ชาวเวียดนามต่างรู้สึกภาคภูมิใจต่อชัยชนะที่โด่งดังไปทั่วโลก เปิดยุคใหม่ ยุคโฮจิมินห์ที่รุ่งโรจน์ ซึ่งในโอกาสรำลึกครบรอบ 50 ปีวันปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเอกภาพ สถานีวิทยุเวียดนามขอแนะนำรายการพิเศษภายใต้หัวข้อ “เส้นทางสู่สันติภาพ”

 

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 1แผนที่ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ(Photo: หนังสือพิมพ์ประชาชน)
 แผนที่ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ

ในช่วงต้นเดือนเมษายน  นักข่าวสถานีวิทยุเวียดนามได้มีโอกาสพบปะกับจิตรกร กาวจ่องเถี่ยม อายุ 80 ปี ที่บ้านของเขาในกรุงฮานอย ซึ่งเขาเป็นผู้ที่วาดแผนที่เวียดนามที่รวมประเทศเป็นเอกภาพเมื่อปี 1976 ซึ่งถูกตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์เหญินเยินหรือประชาชนฉบับพิเศษเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังการปลดปล่อยประเทศ

จิตรกร กาวจ่องเถี่ยม เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์เก่าที่กระดาษเหลืองออกจากตู้มุมห้อง จิตรกร กาวจ่องเถี่ยม และภรรยาได้ช่วยกันเปิดหนังสือพิมพ์เก่าที่ถูกตีพิมพ์เมื่อเกือบ 50 ปีก่อนเพื่อดูแผนที่สีแดงที่เขียนว่า “ ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ ประชาชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว ”

"มีแผนที่หลายฉบับแล้วแต่หนังสือพิมพ์ประชาชนยังขอให้ผมวาดแผนที่ใหม่เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษเพราะหนังสือพิมพ์ประชาชนต้องการยืนยันว่า แผนที่นี้สื่อถึงอาณาเขตและอธิปไตยของเวียดนาม”

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 2จิตรกร กาวจ่องเถี่ยม  พูดคุยกับนักข่าวห่าห่ง ลูกชายของนักข่าว โงที ผู้ล่วงลับ (Photo: หนังสือพิมพ์ประชาชน) 

เมื่อได้รับข้อเสนอนี้ จิตรกร กาวจ่องเถี่ยม รู้สึกดีใจมาก เขาได้ใช้ปากกาวาดแผนที่อย่างรอบคอบและคิดว่าต้องทำให้แผนที่นี้ดูง่ายแต่ยังชี้ชัดถึงเป้าหมายคือ “ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ ประชาชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว”

“ผมมีเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเพื่อวาดแผนที่นี้ก่อนที่จะนำไปตีพิมพ์ผมดีใจมากเนื่องจากได้เสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทหารและประชาชนต้องเสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องประเทศ”

บนแผนที่นี้ จิตรกร กาวจ่องเถี่ยม ได้เขียนชื่อท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งเส้นแบ่งพรมแดนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหมู่เกาะเจื่องซา หว่างซาและเกาะโถจูเพื่อยืนยันอธิปไตยของเวียดนาม

ตอนผมวาดแผนที่นี้ ผมวาดอย่างชัดเจนว่า ประชาชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียวและมีสิทธิอธิปไตย ประชาชนในภาคต่างๆล้วนเป็นชาวเวียดนาม ในแผนทีนี้ มีจังหวัดและนคร 38 แห่ง เส้นทางพรมแดนทางบกและทางทะเลถูกวาดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหมู่เกาะหว่างซา เจื่องซาและเกาะโถจู

ในตลอดเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ครอบครัวจิตรกร กาวจ่องเถี่ยม ได้เก็บรักษาหนังสือพิมพ์ที่มีแผนที่ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ ซึ่งเป็นการรำลึกถึงทหารและประชาชนที่ได้สละเลือดเนื้อเพื่อนำสันติภาพมาให้แก่ประเทศ รวมประเทศเป็นเอกภาพ

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 3นาง เจิ่นถิหว่า ในรายการพบปะกับนักโทษหญิงนที่เคยถูกคุมขังและทรมานที่เรือนจำต่างๆของศัตรูเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ปี 2025 (Photo:  hoilhpn.org.vn)

ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ ประชาชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว

เพื่อให้จิตรกร กาวจ่องเถี่ยม และจิตกรท่านอื่น ๆ วาดแผนที่ประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพ ในตลอด 21 ปีแห่งการต่อสู้ ทหารและประชาชนเวียดนามนับล้านคนได้ทำการต่อสู้อย่างกล้าหาญและสละชีพในสมรภูมิจากเหนือจรดใต้ ป่าเขาเตยเงวียนและเขตริมฝั่งทะเล  อัฐิทหารหลายคนได้รับการค้นหาและระบุชื่อแต่ยังคงมีอัฐิทหารพลีชีพนับล้านคนยังอยู่ในป่าเขา

นาง เจิ่นถิหว่า หรือมีอีกชื่อว่า บาหว่า อาศัยที่จังหวัดด่งนาย ซึ่งเป็นหนึ่งในนักโทษหญิงนับพันคนที่เคยถูกคุมขังและทรมานที่เรือนจำต่างๆของศัตรู เช่น  โกนด๋าว ฟู้ก๊วกและฟู้ต่าย    เผยว่า ในช่วงนั้น พวกเขาได้บอกเล่าเรื่องความยากลำบาก  และแปรเรือนจำเป็นโรงเรียนแห่งการปฏิวัติ ต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์ของนักโทษ นางหว่า และเพื่อนร่วมรบเผยว่า แต่ละคนไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ ความสามัคคีและความรักชาติได้นำชัยชนะให้แก่ประชาชาติ   

“ 50 ปีได้ผ่านพ้นไป ในตอนนั้น พวกเราเป็นเยาวชนที่มีจิตใจรักชาติ ตั้งใจต่อสู้เพื่อขับไล่ศัตรู พวกเราทำการต่อสู้ ไม่ใช่เพื่อกลายเป็นวีรชน พวกเราพร้อมที่จะมีส่วนอุทิศเพื่อปิตุภูมิ

สำหรับพวกเราไม่ว่าจะในกรณีใดและมีความดุเดือดมากแค่ไหนแต่เมื่อประชาชนยังคงรักและมีความเชื่อมั่นพวกเราจะทำการต่อสู้ต่อไป ไม่มีความร่ำรวยและความมั่งคั่งใดที่มีค่าเทียบเท่ากับความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนอุทิศต่อปิตุภูมิ

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 4จดหมายส่งถึงผู้ที่มีชีวิตอยู่

ไม่ใช่แค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่เหล่าทหารพลีชีพเพื่อชาติต่างก็มีความเชื่อมั่นว่าประเทศจะมีสันติภาพแน่นอน อย่างเช่นทหารพลีชีพเพื่อชาติ 3 นายของกองพลบิ่งหยาที่เขียน “จดหมายส่งถึงผู้ที่มีชีวิตอยู่” เมื่อปี 1966 ก่อนที่จะสละชีพ โดยจดหมายนี้ถูกพบในปี 1984 ข้างๆอัฐิของพวกเขาที่ต้นน้ำของแม่น้ำด่งนาย  จังหวัดบิ่งเยือง

“หากมีการค้นพบร่างของเรา หลังจากนี้ 5 ปี หรือ 10 ปี ที่ประเทศได้รับอิสรภาพ เราขอส่งคำขอบคุณอย่างลึกซึ้งถึงผู้ที่ยังมีชีวิตอย่างมีความหมายในช่วงแห่งความรุ่งโรจน์นี้ พวกคุณได้ช่วยให้การสละชีพของเรามีความหมายยิ่งขึ้น พวกคุณกำลังทำงานอย่างสุดใจเหมือนที่พวกเราได้สละชีพต่อสู้เพื่อให้ประเทศของเรางดงามดั่งทุกวันนี้ ให้ประชาชนมีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุก สังคมนับวันมีประชาธิปไตยและยุติธรรมมากขึ้น”

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 5เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ โตเลิม กล่าวปราศรัยในการพบปะกับนักปฏิวัติอาวุโส ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบายในภาคใต้เวียดนามเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2025 ณ นครโฮจิมินห์

ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่ได้สละชีพอย่างกล้าหาญ ได้ร่วมกันสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ เป็นมหากาพย์แห่งความกล้าหาญในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติและปกป้องประเทศ ดั่งคำยืนยันของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ โตเลิม ในโอกาสพบปะกับนักปฏิวัติอาวุโส ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบายในภาคใต้เวียดนามเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2025 ณ นครโฮจิมินห์ ว่า

“จะไม่มีคำใดหรือประโยคใดที่สามารถบรรยายความกล้าหาญยิ่งใหญ่ของประชาชาติเวียดนาม ของคนเวียดนาม หรือทหารลุงโฮได้ในการต่อสู้ 2 ครั้งเพื่อช่วงชิงเอกราชของประชาชาติเวียดนาม ไม่มีผลงานด้านศิลปะใดที่สามารถสะท้อนความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ของประชาชนเวียดนามได้ ความปรารถนาเกี่ยวกับการรวมประเทศเป็นเอกภาพ จากสงครามที่ดุเดือดนั้น ประชาชาติเวียดนามได้กลายเป็นผู้ชนะ เป็นตัวอย่างแห่งความเป็นธรรมของชีวิตของหลายประเทศที่กำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติและกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัย“

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 6เวียดนามมีความก้าวหน้าทั้งในด้านการทูต เศรษฐกิจและมีการพัฒนาอย่างสันติ

ก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเวียดนามได้รับเอกภาพในปี 1975 มีนักข่าวต่างชาติเคยบอกว่า เวียดนามต้องใช้เวลาอย่างน้อย 100 ปีเพื่อสร้างสถานะบนเวทีโลก แต่หลังจากนั้น 50 ปี เวียดนามก็มีความก้าวหน้าทั้งในด้านการทูต เศรษฐกิจและมีการพัฒนาอย่างสันติ

“เวียดนามเป็นตัวอย่างที่มีชีวิตชีวาเกี่ยวกับเรื่องที่ประชาชาติเล็ก ๆ ที่สามารถเอาชนะกองกำลังที่เข้มแข็งที่ดูเหมือนจะไม่มีวันพ่ายแพ้ได้ และเวียดนามกำลังกลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของเอเชีย”

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 7คุณ Alain Thomas นักข่าวชาวฝรั่งเศส (VNA)

คุณ Alain Thomas นักข่าวชาวฝรั่งเศส ที่เคยเดินทางมาเวียดนามตั้งแต่ช่วงปี 2000 และได้กลับมาเยือนประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ที่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญหลายครั้งได้กล่าวว่า เขารู้สึกประทับใจมากเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเวียดนาม สำหรับเขาเอง ช่วงเวลาที่รถถังของกองทัพเวียดนามพังประตูทำเนียบเอกราช (Dinh doc lap) เมื่อ 50 ปีก่อนถือว่าเป็นการยุติช่วงเวลาที่เวียดนามต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลจากภายนอกมายาวนานหลายทศวรรษ เป็นการยืนยันถึงชัยชนะที่สมบูรณ์ของประชาชาติเวียดนามที่ได้ประกาศเอกราชมาตั้งแต่ปี 1945 ภายใต้การนำของประธานโฮจิมินห์ นั่นคือห้วงเวลาที่ชาวเวียดนามสามารถตัดสินใจชะตากรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจของตนเองได้ โดยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการใฝ่การศึกษาของคนเวียดนาม ซึ่งถือเป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้เวียดนามก้าวรุดหน้าในศักราชแห่งเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์และสังคมดิจิทัล 4.0

“ที่เวียดนามไม่มีความผันผวนและไม่มีความขัดแย้งใหญ่ในสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เวียดนามมั่นใจในการก้าวไปสู่อนาคต โดยเฉพาะในยุแห่งเทคโนโลยีและโลกาภิวัตน์ที่เต็มไปด้วยความผันผวน“

กิจกรรมการรำลึกครบรอบ 50 ปีวันปลดปล่อยภาคใต้ได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเอกราช เสรีภาพและการธำรงบรรยากาศสันติภาพเพื่อพัฒนาประเทศ ครึ่งศตวรรษหลังจากที่ปลดปล่อยประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้กลายเป็นตัวอย่างแห่งการไกล่เกลี่ยและความร่วมมือ ซึ่งเปลี่ยนจากการเผชิญหน้ามาเป็นหุ้นส่วนในทุกด้าน

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 8นาย Craig McNamara เสนอหนังสือเรื่อง “เพราะพ่อของเราหลอกลวง"  (qdnd.vn)

แต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมปีนี้ นาย Craig McNamara ลูกชายของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ Robert McNamara ผู้ที่ได้รับฉายาว่า ผู้นำทางแห่งแนวคิดในสงครามที่เวียดนาม ได้เดินทางมาเยือนเวียดนาม โดยในตลอดกว่า 1 สัปดาห์ เขาได้ไปเยือน 6 จังหวัดและนคร โดยเฉพาะสถานที่ที่มีความผูกพันกับพ่อของเขาในช่วงสงคราม เช่น ชายหาดดานัง รั้วไฟฟ้า McNamara สนามบินต่าเกิน ฐานทัพ B1 โห่งเฟื้อก และอีอาดรัง เป็นต้น นอกจากนี้เขาได้ไปเยือนสุสานเจื่องเซิน หมู่บ้านเซินหมี ที่เกิดเหตุสังหารหมู่หมีลาย ทั้งพบปะกับทหารผ่านศึกเวียดนามที่เคยประจำการที่เมืองยาลาย เมื่อเดินทางไปเยือนสุสานเจื่องเซินเขาได้จุดธูปเคารพสุสานนับร้อยหลุม แล้วร้องไห้เมื่อเห็นสุสานของทหารพลีชีพนายหนึ่งที่ได้เสียชีวิตในปี 1950 เพราะวันที่ทหารผู้นั้นสละชีพคือวันที่เขาได้ลืมตาดูโลก

“ ดั่งที่พลเอก หวอเงวียบย้าป ได้บอกกับพ่อผมว่า “ คุณไม่เข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเรา” ผมรู้สึกเสียดายที่คุณพ่อไม่ได้เดินทางไปที่เวียดนามเพื่อศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นับพันปีของเวียดนาม  คนเวียดนามและความปรารถนาเกี่ยวกับเอกราชของคนเวียดนาม ชีวิตวัยเด็กของผมอยู่ภายใต้อิทธิพลจากสงครามเวียดนาม ตอนนี้ผมมาเยือนเวียดนามเพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์อนาคตให้แก่ทั้งสองประเทศ

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 9นาย Craig McNamara ถ่ายรูปที่สุสานทหารพลีชีพเพื่อชาติ เจื่องเซิน ในจังหวัดกว๋างจิ 

นาย Craig McNamara บอกว่า จะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขผลเสียหายจากสงครามในเวียดนาม รวมทั้งแก้ไขผลเสียหายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน ซึ่งเป็นสารพิษที่คุณพ่อของเขาได้สั่งให้โปรยลงในเวียดนามในตลอด 8 ปีที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ พร้อมทั้งเปิดตัวหนังสือเรื่อง “เพราะพ่อของเราหลอกลวง: บันทึกความจริงและเรื่องราวของครอบครัว จากเวียดนามสู่ปัจจุบัน"เป็นภาษาเวียดนาม ซึ่งเล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวตนช่วยให้เขากลายเป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมขบวนการประท้วงสงคราม ซึ่งเป็นสงครามที่คุณพ่อของตนเป็นผู้ชี้นำ  

รายการพิเศษวันที่ 30 เมษายน  “เส้นทางสู่สันติภาพ” - ảnh 10นาย Craig Mc Namara กับทหารผ่านศึกเวียดนาม

ครึ่งศตวรรษได้ผ่านพ้นไปนับตั้งแต่ที่เวียดนามได้รับเอกราชด้วยชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 30 เมษายน 1975 ช่วยยุติสงครามช่วงชิงเอกราชที่ยาวนานนับสิบปีของประชาชาติเวียดนามและวางรากฐานให้เวียดนามพัฒนาเข้ากับกระแสโลก ถึงแม้ว่าเส้นทางไปสู่สันติภาพมีความยากลำบากและความท้าทายต่างๆ แต่ประชาชาติเวียดนามได้ประสบความสำเร็จโดยสามารถสร้างสรรค์เอกราช เสรีภาพและความผาสุก ขณะนี้ประชาชาติเวียดนามกำลังสามัคคีกัน มั่นใจย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาดที่เข้มแข็งเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งการพัฒนาบนพื้นฐานคือมรดกทางจิตใจอันล้ำค่าในอดีต.

คำติชม