โกนด๋าว - เส้นทางสู่การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ |
ในเขตท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลน ห่อนไบ๋แกง ในอุทยานแห่งชาติโกนด๋าว กลุ่มคนหนุ่มสาวกำลังปล่อยเต่าทะเลตัวน้อยลงสู่ทะเลอย่างตื่นเต้น
นี่คือหนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่ได้รับการส่งเสริมในท้องถิ่นในเวลาที่ผ่านมา และได้รับการสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ เมื่อมาเยือนที่นี่ นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ เช่น การปั่นจักรยานเที่ยวรอบเกาะ ชมเต่าวางไข่ในยามค่ำคืน ปล่อยเต่าลงสู่ทะเล ว่ายน้ำและชมแนวปะการังเท่านั้น หากยังได้ร่วมกับชาวท้องถิ่นเข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
จากการปฏิบัติรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โกนด๋าวได้ธำรงและขยายรูปแบบที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะ รูปแบบการท่องเที่ยวที่ลดการใช้พลาสติก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงแรม บริษัทนำเที่ยวและบริการขนส่งทุกแห่ง นาย ฝ่ามเหงียนเจือง เจ้าของโรงแรมโกนด๋าวรีสอร์ท เผยว่า
“ที่โกนด๋าว-รีสอร์ท เรารวบรวม แยกแยะและบำบัดขยะชีวภาพ เช่น การนำเปลือกมะพร้าวมาแปรรูปเป็นปุ๋ยชีวภาพสำหรับการปลูกต้นไม้และพื้นที่ของรีสอร์ท”
เช่นเดียวกับความเห็นของนาย ฝ่ามเหงียนเจือง นาย เหงียนหว่างเฟือง ผู้อำนวยการบริษัทบริการ-การท่องเที่ยวด๋าวหงอก ทราเวล ซึ่งเป็นสมาชิกของรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนกล่าวว่า แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวสีเขียวคือการกำหนดแนวทางการพัฒนาของสถานประกอบการ ด้วยรูปแบบ “ดื่มกาแฟ ชมพระอาทิตย์ขึ้นบนเกาะโกนด๋าว” ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจึงกำลังได้รับการขยายผลอย่างแข็งขันในชุมชนและนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ
“กาแฟยามเช้าที่โกนด๋าวเป็นรูปแบบของเศรษฐกิจหมุนเวียน เราใช้แก้วกระดาษทั้งหมด ใช้ประโยชน์จากของเหลือใช้และรีไซเคิลเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและหมุนเวียนต่อไป เช่น ยางรถยนต์ ขวดแก้ว นำมาเป็นของขวัญให้แก่ลูกค้า นี่เป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่”
ในเขตชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยว ประชาชนและสถานประกอบการได้สร้างรูปแบบต่างๆ เช่น บ้านสีเขียว ไม่ใช้ขวดพลาสติกและถุงพลาสติก การพัฒนาโกนด๋าวแห่งสีเขียวไม่ใช่แค่สโลแกนเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นวิถีชีวิตผ่านขบวนการต่างๆ เช่น วันเสาร์แห่งสีเขียว - สะอาด - สวยงาม การแลกเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นของขวัญ บ้านสีเขียว เพื่อรวบรวมขยะพลาสติก นำผ้าใบป้ายโฆษณาที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลเป็นกระเป๋าถือ ปรับเปลี่ยนจุดทิ้งขยะเพื่อปลูกสมุนไพรและบำบัดขยะอินทรีย์ให้เป็นปุ๋ย เป็นต้น
กิจกรรมปล่อยเต่าลงสู่ทะเลดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก |
เขตเศรษฐกิจพิเศษโกนด๋าว นครโฮจิมินห์ ซึ่งเมื่อก่อนคืออำเภอโกนด๋าว จังหวัดบ่าเหรียะหวุงเต่า เป็นท้องถิ่นแห่งแรกในประเทศที่ใช้รูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนตามโครงการวิจัยและการประยุกต์ใช้รูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของโกนด๋าวในช่วงปี 2022-2025 วิสัยทัศน์ถึงปี 2030 ที่ประกาศใช้เมื่อปี 2023 หลังจากดำเนินการมาเป็นเวลา 2 ปี โกนด๋าวได้บรรลุผลสำเร็จที่น่าประทับใจ เช่น ลดขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งในสถานประกอบการบริการด้านการท่องเที่ยวลงร้อยละ 35-40 ที่พักและร้านอาหารร้อยละ 50 ขึ้นไป ปฏิบัติรูปแบบ “ไม่ใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง” รูปแบบรีไซเคิลขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ยได้รับการขยายผล การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้รับการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ โกนด๋าวได้ปฏิบัติมาตรการเกี่ยวกับการจัดการน้ำ โดยตั้งเป้าไว้ที่จะเพิ่มอัตราการจัดสรรน้ำสะอาด และผลักดันการบำบัดน้ำเสีย
ในระยะต่อไป โกนด๋าวจะยังคงขยายขอบเขตของรูปแบบที่กำลังมีอยู่ ส่งเสริมสถานประกอบการเข้าร่วมและวิจัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการจัดการขยะ พลังงานหมุนเวียนและการท่องเที่ยวอัจฉริยะ นาย เลแองตู๊ เลขาธิการพรรคสาขาเขตเศรษฐกิจพิเศษโกนด๋าวยืนยันว่า
“โกนด๋าวจะเน้นผลักดันแหล่งบุคลากร การเปลี่ยนแปลงใหม่โครงการฝึกอบรมเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการรีไซเคิลและการบำบัดของเสีย และการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ ยกระดับจิตสำนึกของชุมชนเกี่ยวกับการบริโภคอย่างยั่งยืน โกนด๋าวยังสั่งให้สถานประกอบการต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมต่อกิจกรรมการลงทุนทางธุรกิจ ด้วยแนวทางดังกล่าว โกนด๋าวจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ”
ความสำเร็จในเบื้องต้นกำลังทำให้โกนด๋าวพัฒนาเป็นท้องถิ่นแห่งสีเขียว สะอาด พัฒนาอย่างกลมกลืน มีเอกลักษณ์และมีความรับผิดชอบ ด้วยความดึงดูดใจแห่งความเงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์ บวกกับความมุ่งมั่นของทางการปกครองท้องถิ่น ประชาชนและสถานประกอบการ เศรษฐกิจหมุนเวียนจะช่วยให้โกนด๋าวส่งเสริมจุดแข็งของตนเองเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน.