การทำศุลกากรในสำนักงานศุลการฮึงเอียนสังกัดกรมศุลกากรไฮฟอง (haiquanonline.com.vn)

ท่าเรือไฮฟอง ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศโดยทุกๆปี มีสินค้าที่ต้องทำระเบียบศุลกากรผ่านท่าเรือแห่งนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15-20 ต่อปี ถึงแม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 กำลังเกิดขึ้นอย่างซับซ้อนแต่สินค้าที่นำเข้าและส่งออกผ่านท่าเรือนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นาย เหงียนเกียนยาง รองอธิบดีกรมศุลกากรไฮฟองกล่าวว่า ใน6 เดือนแรกของปีนี้ สินค้าที่ทำระเบียบศุลกากรผ่านท่าเรือไฮฟองได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ายินดี แต่อย่างไรก็ตามหน่วยงานศุลกากรก็ตระหนักได้ดีเกี่ยวกับอุปสรรคที่สถานประกอบการต้องเผชิญในการทำระเบียบศุลกากรผ่านท่าเรือไฮฟองโดยเฉพาะในขณะที่โควิด – 19 กำลังแพร่ระบาดอย่างซับซ้อน  “เราเห็นว่า สถานประกอบการที่ให้บริการคลังสินค้าส่วนใหญ่อยากลดขอบเขตการให้บริการมาเป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าที่รอตรวจสอบเท่านั้น เพราะว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้ส่งผลให้สถานประกอบการประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ทันที และเกิดปัญหาสินค้าล้นคลังสินค้า จึงอยากฝากสินค้าในคลังสินค้าของสถานประกอบการที่ให้บริการจัดเก็บสินค้าในขณะที่ทำระเบียบศุลกากร ดังนั้นพวกเราได้ส่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรปฏิบัติหน้าที่ในตลอด24ชั่วโมงเพื่ออำนวยความสะดวกให้สินค้าได้ส่งออกโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าตกค้างและห่วงโซ่โลจิสติกส์เกิดปัญหา”

ในขณะเดียวกันตามข้อมูลสถิติของท่าเรือ “เตินส่ายก่อน”หรือไซง่อนใหม่มีเจ้าของสินค้าหลายรายที่ไม่สามารถมารับสินค้าได้เพราะประสบปัญหาขาดบุคลากรหรือเนื่องจากต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ถึงแม้ทางบริษัทฯได้ติดต่อไปแล้วซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาสินค้าตกค้างในคลัง นาย ด่าวยวีต๊าม รองอธิบดีกรมตรวจสอบการบริหารสังกัดทบวงศุลกากรกล่าวว่าในช่วงเวลาที่เพิ่มมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 หน่วยงานศุลกากรได้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการแก้ไขปัญหาสินค้าตกค้างในท่าเรือต่างๆโดยเฉพาะต้องทำระเบียบศุลกากรให้แก่สินค้าที่สนับสนุนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด "ทางทบวงฯได้ส่งเอกสารมากำชับให้กรมศุลกากรทุกหน่วยต้องทำระเบียบศุลกากรให้แก่สินค้าที่เป็นอุปกรณ์การแพทย์และยารักษาโรคให้เสร็จเรียบร้อยภายในหนึ่งวัน เพื่อสนับสนุนการรักษาโรคพร้อมทั้งส่งเอกสารมากำชับให้ศุลกากรในท้องถิ่นยกเลิกข้อกำหนดที่สถานประกอบการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์และวัตถุดิบที่สนับสนุนการผลิตวัคซีนต้องยืนใบอนุญาติรายชื่อยารักษาโรคของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งมีเอกสารหมายเลข 3569 ที่แนะนำเกี่ยวกับการงดเก็บค่าปรับต่อกรณีที่ละเมิดการทำระเบียบศุลกากรเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อเร็วๆนี้ทางทบวงฯได้ลงนามอนุมัติเอกสารหมายเลข 4059 ที่แนะนำเกี่ยวกับการยื่นใบรับรองแหล่งที่มาของสินค้าในขณะที่ทำระเบียบศุลกากรโดยสำนักงานศุลกากรทุกแห่งจะรับสแกนหรือถ่ายเอกสาร ส่วนผู้ทำระเบียบศุลกากรสามารถยื่นเอกสารผ่านระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์และเสียภาษีตามข้อตกลงการค้าเสรีที่กำลังมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน”