เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกผ่านเอฟทีเอรุ่นใหม่

Ba Thi
Chia sẻ
(VOVWORLD) -หลังการเปลี่ยนแปลงใหม่และผสมผสานเข้ากับกระแสโลกมาเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษเวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ รวม 18 ฉบับ โดยเฉพาะในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้เจรจาและลงนามในข้อตกลงการค้ากับหุ้นส่วนใหญ่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อตกลงเอฟทีเอรุ่นใหม่ที่มีมาตรฐานสูง เช่น ข้อตกลงซีพีทีพีพี  ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ ข้อตกลงอีวีไอพีเอ  ข้อตกลงยูเควีเอฟทีเอและข้อตกลงRCEP ซึ่งน่าสนใจคือจิตใจแห่งการเป็นฝ่ายรุกของเวียดนามในกระบวนการเจรจา สร้างสรรค์และผลักดันการลงนามข้อตกลงเอฟทีเอรุ่นใหม่เหล่านี้
เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกผ่านเอฟทีเอรุ่นใหม่ - ảnh 1

นายเจิ่นต๊วนแอง หัวหน้าคณะกรรมการเศรษฐกิจส่วนกลางได้แสดงความคิดเห็นว่า จากการลงนามและปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่เหล่านี้ เวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงทัศนะที่ชัดเจนคือ “เป็นประเทศที่เสมอต้นเสมอปลาย เป็นฝ่ายรุกและเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งในการปฏิบัติการผสมผสานและเปิดประเทศ” เพื่อยืนยันบทบาท ภาพลักษณ์ ชื่อเสียงและสถานะใหม่ของ “ประเทศเวียดนาม” บนเวทีโลก “จากการเป็นประเทศที่เข้าร่วมกรอบความร่วมมือที่มีมาช้านาน เช่น องค์การการค้าโลกหรือ WTO และ AFTA ของกลุ่มอาเซียน ปัจจุบันนี้เวียดนามได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่แนะแนวในกรอบการผสมผสานและช่วยให้ข้อตกลงการค้าเสรีพหุภาคีเหล่านี้ประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น ข้อตกลงซีพีทีพีพี ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอและข้อตกลงRCEP ได้สะท้อนบทบาทการแนะแนวของเวียดนามในข้อตกลงฉบับเหล่านี้ ช่วยสร้างสรรค์ภาพลักษณ์ใหม่เกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่มีทักษะด้านระเบียบการ ความรับผิดชอบและการตัดสินใจที่เด็ดขาด”

การที่ข้อตกลงการค้าเสรีเอฟทีเอรุ่นใหม่ๆได้รับการปฏิบัติและมีผลบังคับใช้ได้ช่วยให้เวียดนามขยับเลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 22 ในด้านมูลค่าและทักษะการผลิตของโลก สามารถดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอได้นับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ชมรมสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจในด้านต่างๆ ขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจเวียดนามมีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดผ่านการเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกเนื่องจากได้เจรจา ลงนามและบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีและพหุภาคีต่างๆ โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ที่มีมาตรฐานสูง  แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือ การเป็นฝ่ายรุกที่เข้มแข็งของชมรมสถานประกอบการ โดยเฉพาะในการเตรียมแผนการเข้าร่วมกระบวนการผสมผสานตั้งแต่หลายปีมาก่อน นาง เหงียนถิเหี่ยน ผู้อำนวยการบริษัทผลิตและส่งออกอบเชยและโป๊ยกั๊กเวียดนามกล่าวว่า “ อียูคือตลาดเป้าหมายของบริษัทเรา ตั้งแต่ปี 2013 จากการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดยุโรป ทางเราได้สร้างสรรค์ห่วงโซ่มูลค่าและพัฒนาเขตผลิตวัตถุดิบ ถึงขณะนี้เรามีใบรับรองระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ใบรับรองของยุโรปเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหาร ใบรับรองเกี่ยวกับการค้าที่ยุติธรรม ซึ่งหมายความว่าทางบริษัทร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าอย่างยุติธรรมในห่วงโซ่มูลค่าของเรา

บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความคิดเห็นว่า เพื่อส่งเสริมผลสำเร็จที่ได้บรรลุ จำเป็นต้องธำรงและผลักดันจิตใจแห่งการเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสาน ซึ่งสำคัญที่สุดคือเน้นสร้างสรรค์ชุมชนสถานประกอบการที่เป็นเจ้าของของการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก ดร. เหงียนดิ่งกุง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและอดีตหัวหน้าสถาบันวิจัยการบริหารเศรษฐกิจส่วนกลางย้ำว่า “ยุทธศาสตร์การผสมผสานไม่เพียงแต่เป็นการลงนามข้อตกลงเท่านั้น หากยังเป็นการสร้างสรรค์กระบวนการผสมผสานอีกด้วย นั่นคือสถานประกอบการ ดังนั้นก่อนอื่นต้องเน้นสร้างสรรค์ชมรมสถานประกอบการของเวียดนามให้เข้มแข็งผ่านการปฏิรูปต่างๆ ถ้าหากเราอยากนำเข้าเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เราต้องสร้างสรรค์สถานประกอบการที่มีทักษะความสามารถเพียงพอ เพื่อเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ได้”

“การเป็นฝ่ายรุกและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกและรอบด้าน” ได้ถูกระบุอย่างชัดเจนในมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศระยะปี 2021 - 2030 โดยเฉพาะบรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า ในสภาวะการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ที่ถูกพยากรณ์ว่า จะส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจโลกต่อไป จำเป็นต้องส่งเสริมจิตใจการเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ซึ่งในนั้นจำเป็นต้องสร้างสรรค์ชมรมสถานประกอบการที่เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเพื่อปฏิบัติข้อตกลงเอฟทีเอฉบับต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ นี่จะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้เวียดนามกำหนดและปรับปรุงสถานะของตนบนเวทีเศรษฐกิจโลก./.

คำติชม