กระบวนการเพาะปลูกต้นกาแฟทำด้วยมือโดยเกษตรกร |
จังหวัดเซินลาเริ่มมีการปลูกกาแฟเมื่อปี 1945 และภายหลัง 80 ปี กาแฟได้กลายเป็นพืชผลหลักของจังหวัดฯ ด้วยพื้นที่และผลผลิตอยู่ในระดับสูง เซินลาจึงเป็นแหล่งปลูกกาแฟอาราบิก้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คิดเป็นประมาณร้อยละ 50 ของพื้นที่ และร้อยละ 43.5 ของผลผลิตทั้งหมดของประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีเพื่อให้จังหวัดฯพัฒนาแหล่งปลูกกาแฟที่มีคุณภาพสูงให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคสีเขียวและยั่งยืนของโลก นาย ตะแหม่งเกื่อง จากกรมส่งเสริมการค้าของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเผยว่า
“ผลิตภัณฑ์กาแฟอาราบิก้าของเซินลามีศักยภาพมาก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ในจำนวน 10 จังหวัดที่ปลูกและผลิตกาแฟ เซินลาเป็น 1 ใน 3 สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการคุ้มครองทั่วประเทศ นี่ยังเป็นโอกาสเพื่อให้กาแฟเซินลายืนยันถึงสถานะและแบรนด์ของตนเอง”
เซินลาไม่เพียงแต่ปลูกกาแฟเท่านั้น หากยังมีการจำหน่ายกาแฟทั่วประเทศ ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เอื้ออำนวย บวกกับความขยันหมั่นเพียรและความทุ่มเทของเกษตรกร ทำให้ต้นกาแฟอาราบิก้าเติบโต และเมล็ดกาแฟเซินลามีรสชาติดีเยี่ยม ได้มาตรฐานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รองศาสตราจารย์ ดร.เหงียนวันโบะ อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรเวียดนามเผยว่า
“เซินลาได้รับใบรับรองที่สำคัญเกี่ยวกับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งทำให้จังหวัดฯสามารถขายกาแฟได้ในราคาที่สูงขึ้นและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ได้มากขึ้น”
การรับใบรับรองดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการวัดมาตรฐานของจังหวัดเซินลาเท่านั้น หากยังเป็นคำมั่นต่อแหล่งกำเนิดและกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมกาแฟอีกด้วย นาย หวูหงอกฮวี จากบริษัทหุ้นส่วน ฟุกซิงเซินลา เผยว่า
“ปัจจุบัน พื้นที่ปลูกกาแฟของเราได้รับใบรับรองเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความยั่งยืนของกาแฟหลายฉบับ เช่น การรับรองจาก Rainforest Alliance และการรับรอง FourC ซึ่งเป็น 2 มาตรฐานการรับรองระดับโลกสำหรับการพัฒนากาแฟอย่างยั่งยืน ความสำเร็จขึ้นอยู่กับว่า เกษตรกรปฏิบัติตามแนวปฏิบัติทางการเกษตรหรือไม่ ดังนั้น เกษตรกรจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ และสถานประกอบการยังเน้นทำการฝึกอบรม ยกระดับทักษะความสามารถของเกษตรกร และการให้คำแนะนำแก่เกษตรกรเกี่ยวกับเทคนิคการเพาะปลูก”
จากภารกิจในการแก้ปัญหาความยากจน กาแฟได้กลายเป็นพืชอุตสาหกรรมหลักของจังหวัดเซินลา ผลิตภัณฑ์กาแฟพิเศษและกาแฟคุณภาพสูงค่อยๆ ครองตลาดที่มีมาตรฐานเข้มงวด มีส่วนร่วมยืนยันถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์กาแฟเวียดนามในตลาดกาแฟโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาใหม่ๆต่อไป เซินลาได้แก้ไขอุปสรรคต่างๆ พยายามเพื่อตอบสนองข้อกำหนดและมาตรฐานสากลที่เข้มงวด และสร้างผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีคุณภาพ นาย เหงียนแถ่งกง รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเซินลากล่าวว่า
“มาตรการแรกคือการพัฒนากาแฟอย่างยั่งยืน การสร้างกระบวนการผลิตกาแฟสะอาดตามมาตรฐาน RA, 4C, UTZ และข้อบังคับต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป ควบคู่กับประเด็นเรื่องพันธุ์กาแฟ เราต้องวิจัยพันธุ์กาแฟที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่เพาะปลูกของเซินลา ปลูกทดแทนพื้นที่ปลูกกาแฟเก่าที่มีคุณภาพไม่ดี ทนทานต่อโรคและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างพื้นที่ปลูกกาแฟใหม่ที่มีคุณภาพเพื่อผลิตกาแฟที่ดีที่สุด”
ต้นกาแฟกลายเป็นแหล่งทำมาหากินที่ยั่งยืน เป็นหนึ่งในผลผลิตหลักของจังหวัดเซินลา |
ในสภาวการณ์ที่ตลาดกาแฟโลกแข่งขันดุเดือดมากขึ้น การรักษาแบรนด์กาแฟเซินลาไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับผลผลิตเท่านั้น หากสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการรักษาคุณภาพให้คงที่และสร้างความยั่งยืน เซินลากำลังเดินถูกทิศทางด้วยการเน้นมาตรการที่พร้อมเพรียง ตั้งแต่การวางแผนพื้นที่วัตถุดิบ การยกระดับคุณภาพเมล็ดพันธุ์ การประยุกต์ใช้มาตรฐานสากลในการผลิต การเชื่อมโยงเกษตรกร สถานประกอบการและหน่วยงานบริหารอย่างใกล้ชิด ไปจนถึงการลงทุนในกระบวนการผลิตเชิงลึก และการสร้างแบรนด์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.เหงียนวันโบะ กล่าวว่า
“แนวทางของอุตสาหกรรมคือการเชื่อมโยง ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องเชื่อมโยงกันก่อนเพื่อผลิตตามกระบวนการเดียวกันและเชื่อมโยงกับสถานประกอบการเพื่อสามารถได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านคุณภาพ แหล่งกำเนิดและการรับรองกาแฟ เกษตรกรต้องมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเชื่อมโยงเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดแรกและสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”
ในยุทธศาสตร์การพัฒนากาแฟ เซินลาตั้งเป้าที่จะมีพื้นที่ปลูกกาแฟ 25,000 เฮกตาร์ และมีผลผลิต 40,000 ตันภายในปี 2030 พัฒนาพื้นที่ปลูกกาแฟพิเศษ 5,950 เฮกตาร์ พื้นที่ปลูกกาแฟมาตรฐานที่ยั่งยืน 18,000 เฮกตาร์ และพื้นที่ปลูกกาแฟใหม่ร้อยละ 80-90 ใช้พันธุ์กาแฟที่ได้มาตรฐาน ภายในปี 2035 พื้นที่ปลูกกาแฟจะเพิ่มขึ้นเป็น 27,000 เฮกตาร์ ผลผลิตจะอยู่ที่ 47,000 ตัน กาแฟพิเศษจะอยู่ที่ 6,500 เฮกตาร์ ผลผลิตจากการแปรรูปเชิงลึกจะสูงถึงร้อยละ 20-25 การส่งออกจะคิดเป็นร้อยละ 80-85 ของผลผลิตกาแฟทั้งหมดของจังหวัด โดยก่อตั้งและพัฒนาพื้นที่ปลูกกาแฟไฮเทค 5 แห่งขึ้นไป ความมุ่งมั่นนี้ได้แสดงให้เห็นว่า เซินลากำลังมุ่งมั่นสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงในเวียดนาม เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์กาแฟในท้องถิ่นพิชิตตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวด.