พิธีลงนามข้อตกลงการค้าเสรีในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี (Photo: VGP)

การลงนามข้อตกลงการค้าเสรีในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีได้ส่งผลในทางบวกต่อเวียดนามในทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและสังคม  โดยสาธารณรัฐเกาหลีได้ปรับลดภาษีร้อยละ๙๕.๔สำหรับผลิตภัณฑ์นำเข้า โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์การเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องจักรกลที่นำเข้าจากเวียดนาม   ซึ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่สินค้าการส่งออกของเวียดนาม โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์การเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำ กุ้ง กระเทียมและขิงเป็นต้น  ส่วนเวียดนามก็ได้ปรับลดภาษีร้อยละ๘๙.๒สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีคือ  วัสดุสิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เป็นต้น  ทั้งนี้ช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามลดการพึ่งพาแหล่งจัดสรรวัตถุดิบจากบางประเทศ  นาย หวูฮวีหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามได้เผยว่า“จากการลงนามข้อตกลงดังกล่าว มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสาธารณรัฐเกาหลีอาจเพิ่มขึ้นในเวลาที่จะถึง  โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์การเกษตรและสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแปรรูป  ปริมาณการส่งออกกลุ่มสินค้าที่เวียดนามต้องการนำเข้า โดยเฉพาะ วัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมแปรูป วัตถุดิบสำหรับสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปและรองเท้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งของสาธารณรัฐเกาหลีอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
นอกเหนือจากการลงนามข้อตกลงเอฟทีเอแล้ว เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลียังได้หารือเกี่ยวกับปัญหาการผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างสองประเทศ  ฝ่ายสาธารณรัฐเกาหลีได้ให้คำมั่นที่จะช่วยเวียดนามพัฒนาหน่วยงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เวียดนามต้องผลักดันให้เข้มแข็ง  สาธารณรัฐเกาหลียังสนับสนุนการเพิ่มปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์การเกษตร  สัตว์น้ำและผักผลไม้จากเวียดนามด้วยดอกเบี้ยพิเศษ  ในภาพรวม หน่วยงานการเกษตร  เกษตรกร เขตชนบท หน่วยงานอุตสาหกรรมแปรูป อุตสาหกรรมสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็ปรูปและรองเท้าจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากการลงนามข้อตกลงดังกล่าว  

ข้อตกลง VKFTAจะนำผลประโยชน์มากมายมาให้แก่หน่วยงานสิ่งทอเสื้อผ้าและสำเร็จรูปของเวียดนาม

ปัจจุบัน สาธารณรัฐเกาหลีเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยอยู่ที่ร้อยละ๑๐มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเวียดนามไปยังสาธารณรัฐเกาหลีก็มากเป็นอันดับ๒  รองจากสัตว์น้ำ   ส่วนสาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศที่จัดสรรผ้าร้อยละ๒๐ให้แก่เวียดนาม รองจากจีน  ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ข้อตกลง VKFTAจะนำผลประโยชน์มากมายมาให้แก่หน่วยงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป  สิ่งที่สำคัญในปัจจุบันคือ บรรดาสถานประกอบการเวียดนามต้องใช้โอกาสจากข้อตกลงนี้ ในสถานการณ์ที่เป็นจริง แนวโน้มการรับใบสั่งซื้อผลิตภัณฑ์สิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อส่งออกไปยังตลาดสาธาณรัฐเกาหลีได้เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อปี๒๐๐๙ หน่วยงานและสถานประกอบการส่งออกของเวียดนาม  โดยเฉพาะ หน่วยงานการเกษตร สัตว์น้ำและสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปเวียดนามก็ได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงดังกล่าวแล้ว  ดังนั้น การลงนามข้อตกลง VKFTAจะสร้างโอกาสมากกว่าความท้าทายให้แก่สถานประกอบการเวียดนาม  นาย เจิ่นก๊วกแค้ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามได้ให้ข้อสังเกตว่า         “บรรดาสถานประกอบการเวียดนามได้เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ก่อนการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี มูลค่าการส่งออกของเวียดนามได้เพิ่มขึ้นร้อยละ๑๖ต่อปีและอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ๓๘หลังจากที่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสาธารณรัฐเกาหลี  จากการที่อัตราการขยายตัวการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เวียดนามอาจลดความเสียเปรียบดุลการค้าและสร้างความสมดุลย์ในการนำเข้าและส่งออกระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี”
การลงนามข้อตกลงระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีเป็นก้าวเดินที่เป็นรูปธรรมเพื่อปฏิบัติยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก  โดยเฉพาะ การผสมผสานเข้ากับกระเศรษฐกิจโลก  ให้ความช่วยเหลือกระบวนการปรัปบรุงโครงสร้างสถานประกอบการ  ผลักดันกระบวนการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ข้อตกลงดังกล่าวยังมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้มั่นคงและยาวนาน รวมทั้ง รักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค./.