(VOVWorld)-ในปี๒๐๑๕ ข้อตกลงการค้าฉบับต่างๆได้รับการลงนามและมีผลบังคับใช้ ซึ่งสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการเวียดนามในการขยายการเจาะตลาดต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ดี ตลาดแต่ละแห่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งบังคับให้ผู้ประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการวิจัยเพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด นี่เป็นเนื้อหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมระดับทูตพาณิชย์ปี๒๐๑๖ที่เพิ่งจัดขึ้น ณ นครโฮจิมินห์
บรรดาผู้ประกอบการเวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการศึกษาข้อมูลเมื่อผสมผสาน
|
ในหลายปีที่ผ่านมา สินค้าส่งออกของเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งด้านปริมาณและความหลากหลาย ส่วนตลาดก็นับวันยิ่งได้รับการขยาย แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีผู้ประกอบการบางรายที่ประสบอุปสรรคเนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหรือไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบการ ข้อจำกัดทางการค้าและภาษีศุลกากร ในการประชุมทูตพาณิชย์ปี๒๐๑๖ นาย ฝามหว่างเลิม ประธานบริษัทหุ้นส่วนฮึงเลิม จังหวัดอานยางที่ประกอบธุรกิจส่งออกข้าวได้เล่าเรื่องที่บริษัทของเขาถูกโกงข้าว๒พันตัน มูลค่า๑ล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดกานา พร้อมแสดงความเห็นว่า เมื่อส่งออกข้าวไปยังตลาดกานา สถานประกอบการของเขาก็ได้เป็นฝ่ายรุกในการศึกษาตลาด แต่ถ้าหากได้รับคำแนะนำของสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ในต่างประเทศนับตั้งแต่สถานประกอบการมีแผนการส่งออก ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น “ในเวลาที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการในการแสวงหาและเจาะตลาดส่งออก รวมทั้งการตรวจสอบลูกค้า ในเวลาที่จะถึง ผมขอเรียกร้องให้สำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ในต่างประเทศช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มากขึ้นเพื่อขยายตลาดแอฟริกาเพราะนี่เป็นตลาดใหญ่ มีโอกาสและศักยภาพมากมาย”
จากสถานการณ์ที่เป็นจริง นอกจากเรื่องข้อมูลแล้ว สถานประกอบการยังมีความต้องการในด้านอื่นๆอีกมาก ดังนั้น สำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ในต่างประเทศต้องเป็นฝ่ายรุกในการสนองข้อมูลและผลักดันความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประกอบการ ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ในต่างประเทศยังมีน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ประกอบการภายในประเทศที่นับวันเพิ่มสูงขึ้น
นาย เหงวียนจุงหยุง อัครราชทูตและหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ของสถานทูตเวียดนามประจำญี่ปุ่น (Photo: nguyentandung.org)
|
ปัจจุบัน บรรดาผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลทั่วไปเมื่อส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก เช่น การลดภาษีศุลกากร การยกเลิกกำแพงกีดกันทางการค้า การมอบใบอนุญาตการส่งออกและนำเข้า การเปิดตลาด การสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่เสมอภาคต่อผู้ประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศ เป็นต้นแต่ยังไม่ให้ความสนใจถึงการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการและความต้องการต่างๆของประเทศที่นำเข้าสินค้า เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ นาย เหงวียนจุงหยุง อัครราชทูตและหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ของสถานทูตเวียดนามประจำญี่ปุ่นได้เผยว่า ในเวลาที่จะถึง อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์ต้องพยายามมากขึ้นและเป็นฝ่ายรุกเพื่อตอบสนองความต้องการด้านข้อมูลและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่กลับกันบรรดาผู้ประกอบการก็ต้องเป็นฝ่ายรุกในการศึกษาตลาดและยกระดับทักษะความสามารถของตนเอง “ผมย้ำว่า สำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ต้องเป็นฝ่ายรุกในการวิจัย ทำการเจรจาและส่งเสริมการค้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยไม่ปฏิบัติตามรูปแบบเก่าอีก”
อย่างไรก็ตาม ในตลาดต่างประเทศ ยังมีผู้ประกอบการบางแห่งที่พึ่งพาข้อมูลส่วนใหญ่จากสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์ โดยไม่ได้เป็นฝ่ายรุกในการศึกษาตลาด นาย ด่าวเจิ่นเญิน อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์เวียดนามประจำสหรัฐได้เผยว่า “ทางสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์พยายามตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ แต่บรรดาผู้ประกอบการเองก็ต้องเป็นฝ่ายรุกในการหาข้อมูลและเมื่อมีปัญหาหรือไม่เข้าใจอะไร ก็สามารถสอบถามสำนังานฝ่ายการพาณิชย์ได้ ”
ปัจจุบัน ตลาดการค้าในต่างประเทศเป็นตลาดที่เปิดกว้าง แต่ตลาดแต่ละแห่งก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งบังคับให้บรรดาผู้ประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการวิจัยเพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด ส่วนสำนักงานฝ่ายการพาณิชย์เป็นช่องทางในการหาข้อมูลอย่างเป็นทางการและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในการเจาะตลาดประเทศต่างๆได้อย่างสำเร็จ.