ใน 7 เดือนแรกของปี 2020 มูลค่าการส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ของเวียดนามอยู่ที่ 7.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ผลิตภัณฑ์จากป่าที่ไม่ใช่ไม้มีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 22 โดยสหรัฐ จีนและญี่ปุ่นเป็น 3 ตลาดนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ของเวียดนามมากที่สุด มียอดมูลค่าการส่งออกถึงร้อยละ 77 ติดอันดับหนึ่งในกลุ่มอาเซียน อันดับ 2 ในเอเชียและอันดับ 5 ของโลก ช่วยให้อุตสาหกรรมการแปรรูปไม้เพื่อการส่งออกของเวียดนามกลายเป็นหน่วยงานที่พัฒนาอย่างคล่องตัวที่สุด และยอดมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับหลักสิบและนับวันมีสถานประกอบการเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าและการส่งออกมากขึ้น ส่วนสถานประกอบการแต่ละแห่งก็มีความคล่องตัว ซึ่งสามารถเจาะตลาดโลกโดยเฉพาะตลาดใหญ่ๆได้ นาย หวูหายบั่ง ประธานกรรมการและผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วน Woodland ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่มีประสบการณ์ 10 ปีในการผลิตประตูไม้และเครื่องเฟอนิเจอร์ไม้อุตสาหกรรมที่ส่งออกไปยังตลาดอียูกล่าวว่า “ เมื่อ 5 ปีก่อน บริษัทของเราได้รับใบสั่งซื้อจากตลาดอียู ดังนั้นเมื่อปี 2017 ทางบริษัทได้เปลี่ยนมาใช้ไม้ที่มีใบรับรองเพื่อใช้โอกาสจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอได้อย่างเต็มที่ เราต้องคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าสหรัฐและอียูเพื่อสามารถจัดสรรไม้ที่มีแหล่งกำเนิดอย่างชัดเจนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ผลิตภัณฑ์ของเรา"
ส่วนคุณฝ่ามวันเดี๋ยน รองอธิบดีทบวงป่าไม้เวียดนามประเมินว่า เวียดนามมีสินค้าหลายรายการที่เป็นจุดแข็งในการส่งออก เช่น ไม้ลามิเนต เก้าอี้ไม้และเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มเฟอร์นิเจอร์มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุด จากตัวเลขการผลิตในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์จากป่าอาจสูงถึง 1 หมื่น 2 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวอย่างทันการณ์ของอุตสาหกรรมไม้เวียดนามเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นาย ฝ่ามวันเดี๋ยนยืนยันว่า “การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นแรงกระตุ้นให้กระบวนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของโลกในปัจจุบันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อค้ำประกันความโปร่งใสและอำนวยความสะดวกให้ทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่การผลิตสามารถพัฒนาได้ในทุกสภาวการณ์”
ส่วนนาย โด๋ซวนเหลิบ นายกสมาคมไม้และผลิตภัณฑ์จากป่าเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า ด้วยความคล่องตัว อุตสาหกรรมไม้ของเวียดนามกำลังได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่เพื่อพัฒนาและเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลก โดยเฉพาะในขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังมีขึ้นอย่างรุนแรง “ อุตสาหกรรมไม้กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่ยิ่งใหญ่เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเพราะว่า เกิดกระแสการย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม ดังนั้นต้องพยายามใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ โดยเฉพาะในด้านสินค้าและตลาดหลัก ทางสมาคมฯกำลังเตรียมเปิดสาขาเกี่ยวกับเครื่องเฟอร์นิเจอร์และตู้ครัวเพื่อส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ”
ผลิตภัณฑ์จากป่าของเวียดนามยังมีศักยภาพสูงในการขยายตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะหลังจากที่เวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีฉบับต่างๆ นี่ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสช่วยให้อุตสาหกรรมป่าไม้ของเวียดนามบรรลุเป้าหมายการส่งออกในปีนี้เท่านั้น หากยังตั้งเงื่อนไขให้หน่วยงานฯเจาะตลาดเก่าแก่ที่มีมูลค่าสูง เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น จีน อียูและสาธารณรัฐเกาหลีและตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น แคนนาดา รัสเซียและอินเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย.