 กฎหมายแก้ไขและเพิ่มเติมบางมาตราของกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานและข้อบังคับทางเทคนิคเป็น 1 ในกฎหมาย 34 ฉบับที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติในการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 9 สมัยที่ 15 (quochoi.vn) |
กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานและข้อบังคับทางเทคนิคซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงขณะนี้ไม่เหมาะสมอีกต่อไป หลังจากบังคับใช้มาเป็นเวลา 18 ปี จากความต้องการในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในปัจจุบัน การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วน
การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้เน้นถึงกลุ่มเนื้อหาหลัก เช่น การค้ำประกันการส่งเสริมการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกที่กว้างลึก การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านความโปร่งใส การประเมิน การประกาศใช้มาตรฐานแห่งชาติ มาตรฐานระดับท้องถิ่นและการยกระดับประสิทธิภาพของการสร้างและการบริหารจัดการมาตรฐานเบื้องต้นตามแนวทางที่เข้มงวดมากขึ้น นาย ห่ามิงเหียบ รักษาการอธิบดีทบวงมาตรฐานการชั่งตวงวัดและคุณภาพ สมาชิกคณะกรรมการจัดทำกฎหมายฉบับแก้ไขเผยว่า
“เรากำหนดว่า ด้วยข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ มาตรฐานของเวียดนามจะต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกฎระเบียบของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในเวลาที่จะถึง”
ในทางเป็นจริง ในเวลาที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์สินค้าของเวียดนามที่เจาะตลาดต่างประเทศต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและแหล่งที่มาที่ชัดเจนและเข้มงวด นอกจากการปรับปรุงกรอบทางกฎหมายภายในประเทศเกี่ยวกับมาตรฐานและระเบียบทางเทคนิคให้มีความสมบูรณ์แล้ว กฎหมายฉบับแก้ไขยังมีข้อกำหนดใหม่ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง เช่น การรับรองผลการประเมินขององค์กรระหว่างประเทศและต่างประเทศ
 ระธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของสภาแห่งชาติ หวูห่งแทง (quochoi.vn) |
นี่คือมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อแก้ไขอุปสรรค์ในการผลิต ประกอบธุรกิจ การนำเข้าและส่งออกของสถานประกอบการเวียดนามในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เป็นแหล่งพลังภายในประเทศไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการทดสอบ การรับรอง และการประเมินตามมาตรฐานสากล สำหรับเรื่องนี้ ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของสภาแห่งชาติ หวูห่งแทง เผยว่า
“ต้องพิจารณาใช้มาตรฐานและเทคนิคของประเทศอื่นในข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เราจัดทำมาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศอื่น การจัดทำนี้ทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่มีประสิทธิภาพ เช่น สินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของตลาดสหรัฐ หรือสินค้าที่เข้าสู่สหภาพยุโรปจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป”
กฎหมายฉบับแก้ไขยังกำหนดให้องค์กรและสถานประกอบการต่างๆ ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกระบวนการจัดทำมาตรฐานและข้อกำหนด นี่คือเนื้อหาที่เป็นก้าวกระโดดเนื่องจากสถานประกอบการเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์จากมาตรฐานและข้อกำหนดเมื่อส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ จากความต้องการเพื่อตอบสนองมาตรฐานสีเขียวและมาตรฐานของตลาดหลักๆ สถานประกอบการต่างๆ ของเวียดนามยังเป็นฝ่ายรุกในการพัฒนาทคโนโลยีและบริหารข้อกำหนดทางเทคนิคต่อคำสั่งซื้อของตลาดเหล่านี้ กระบวนการต่างๆ ได้รับการยกระดับ ตั้งแต่การบริหารการใช้ไฟฟ้า น้ำ การปล่อยมลพิษและน้ำเสีย การจัดทำแผนการเพื่อลดการใช้พลังงานและสารเคมีอย่างเคร่งครัด ไปจนถึงการเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์รุ่นใหม่เพื่อตอบสนองข้อกำหนดด้านมาตรฐานและระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด
ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสถานประกอบการยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นาย หวูบ๊าฟู้ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมยืนยันว่า
“เรามีโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถสนับสนุนสถานประกอบการในการเลือกใบรับรองหรือมาตรฐานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตลาดและเป้าหมายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเต็มที่ และสามารถสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์และสถานประกอบการได้”
จาการบังคับใช้มาเป็นเวลา 18 ปีที่ผ่านมา กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานและกฎระเบียบทางเทคนิคได้รับการปรับปรุงทั้งด้านคุณภาพ ความโปร่งใสและสอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การการค้าโลกหรือ WTO และมาตรฐานสากลที่เวียดนามเป็นสมาชิก ซึ่งช่วยส่งเสริมการปรับปรุงผลผลิต คุณภาพ ศักยภาพทางธุรกิจ การผลิตของสถานประกอบการ และส่งเสริมการส่งออกสินค้าสำคัญของเวียดนาม
แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับกรอบกฎหมายให้เหมาะสม การแก้ไขกฎหมายจะสร้างกรอบที่โปร่งใสและชัดเจนให้แก่สถานประกอบการในการส่งเสริมการผลิตและการดำเนินธุรกิจ ขยายตลาดส่งออก และเพิ่มความรับผิดชอบของสถานประกอบการในการสร้างสรรค์แบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์ของเวียดนามในตลาดโลก.