การเสวนาปกป้องแบรนด์เวียดนามในโลกที่มีความผันผวนอย่างซับซ้อน |
แบรนด์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามาก ซึ่งรวมถึงองค์ประกอบทั้งที่จับต้องได้ เช่น ชื่อ โลโก้ รูปภาพและ สโลแกน และจับต้องไม่ได้ เช่น คุณค่า ประสบการณ์ วิสัยทัศน์และความคิด ซึ่งสถานประกอบการต้องการประชาสัมพันธ์ไปสู่ลูกค้า แบรนด์ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้นเท่านั้น นาย หวิ่งวันฟาฟ รองผู้อำนวยการบริษัท Thanh Thanh Cong - Bien Hoa เผยว่า
“แบรนด์มี3ระดับคือแบรนด์แห่งชาติ แบรนด์สถานประกอบการ และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งแบรนด์3ประเภทนี้มีความแตกต่างกัน แบรนด์คือใบเบิกทางของสถานประกอบการ ไม่ใช่แค่สโลแกน หากเป็นสิ่งที่สถานประกอบการทุกแห่งต้องมีและถือเป็นเงื่อนไขสำหรับการอยู่รอดและการพัฒนาที่ยั่งยืนของสถานประกอบการ”
ปัจจุบัน เวียดนามมีชุมชนสถานประกอบการเชิงนวัตกรรมที่สามารถพึ่งตนเองได้ โดยประสิทธิภาพของการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิตของสถานประกอบการได้ค่อยๆ เปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ให้เป็นพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะ สถานประกอบการในเวียดนามหลายแห่งมีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานแบรนด์แห่งชาติ ซึ่งยืนยันถึงบทบาทเป็นผู้เดินหน้าในการมุ่งสู่ยุคสีเขียว แบรนด์เวียดนามที่แข็งแกร่งเมื่อปี 2024 ได้แก่ Viettel, Vinamilk, VNPT, Vietcombank, BIDV และ FPT ซึ่ง Viettel เป็นสถานประกอบการนำหน้าในรายชื่อแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในเวียดนาม โดยมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสภาวการณ์ที่การแข่งขันระดับโลกที่รุนแรงขึ้น สถานประกอบการเวียดนามกำลังมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนั้น สถานประกอบการจึงต้องได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากรัฐบาล สำนักงานภาครัฐจำเป็นต้องมีนโยบายให้สิทธิพิเศษด้านสินเชื่อที่เหมาะสมเพื่อให้สถานประกอบการผลิต ทำธุรกิจและมีโอกาสเติบโต พร้อมทั้ง ให้การสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรและควบคุมตลาดที่โปร่งใส นาง เหงวียนถิบิ่ง ประธานสภาบริหารของบริษัทเหงวียนบิ่ง แสดงความเห็นว่า
“ภาครัฐต้องให้การสนับสนุนสถานประกอบการเวียดนามเพื่อพัฒนาได้อย่างเต็มที่และก้าวไปสู่ตลาดโลก รัฐต้องดำเนินการอย่างเข้มแข็งเพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าลอกเลียนแบบ”
เป้าหมายของการสร้างแบรนด์เวียดนามคือการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและของสถานประกอบการเวียดนาม รองศาสตราจารย์ ดร. เลซวนบ๊า อดีตหัวหน้าสถาบันวิจัยเศรษฐกิจส่วนกลางแสดงความเห็นว่า
“สิ่งแรกที่ต้องทำในการสร้างแบรนด์คือการยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ต่อมาคือต้องมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งถือเป็น 2 ปัจจัยที่สำคัญ ในสภาวการณ์ปัจจุบัน เวียดนามควรเน้นสร้างแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เวียดนามมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผลไม้ ผัก สินค้าหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี”
การสร้างแบรนด์ต้องเน้นการวางแผน คุณภาพของสินค้า การส่งเสริมการค้า และการสนับสนุนสถานประกอบการ การปกป้องแบรนด์ต้องเน้นถึงการปกป้องลิขสิทธิ์ทางปัญญาและการต่อต้านการละเมิดเครื่องหมายการค้า การสร้างแบรนด์เป็นกระบวนการที่ต้องมีความพยายามอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง ดร. โตหว่ายนาม รองประธานและเลขาธิการสมาคมสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเวียดนามเผยว่า
“ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย การปกป้องแบรนด์ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาของสถานประกอบการเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นปัญหาของประเทศอีกด้วย แบรนด์เป็นมูลค่าสะสม เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน เป็นทรัพย์สินที่มีค่าของสถานประกอบการและของประเทศ ดังนั้น รัฐและสถานประกอบการต่างๆ จึงต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมและรักษาแบรนด์เพื่อพัฒนา”
ตามประกาศของ Brand Finance ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์และที่ปรึกษาแบรนด์เชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2024 มูลค่าแบรนด์เวียดนามบรรลุ 5 แสน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับที่ 32 จาก 193 ประเทศที่ได้รับการประเมิน แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นแบรนด์เวียดนามที่จะก้าวสู่ระดับโลกยังมีไม่มากนัก การสร้างและปกป้องแบรนด์เวียดนามเป็นกระบวนการสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการเวียดนามในตลาดต่างประเทศและภายในประเทศ.