การทำฟาร์มทะเลอย่างยั่งยืนที่เวินโด่น จ.กว๋างนิงห์ (dangcongsan.vn) |
แนวทางของจังหวัดกว๋างนิงห์คือพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลแห่งสีเขียว ใช้แหล่งทรัพยากรทางทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ปรับการดำรงชีวิตและสร้างงานทำให้แก่ชาวบ้าน ค้ำประกันระบบนิเวศในทะเลและมหาสมุทร ไม่แลกทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมกับการขยายตัวและการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล ทางการจังหวัดฯ ได้ประกาศมติต่างๆ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลตามแนวทางยกระดับมูลค่าและความยั่งยืน ซึ่งถึงขณะนี้สามารถบรรลุผลงานที่น่ายินดีต่างๆ เช่น ปริมาณสัตว์น้ำได้เพิ่มจากเกือบ 89,000 ตันเมื่อปี 2013 ขึ้นเป็นกว่า 175,000 ตันในปี 2023 พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบรวมศูนย์ได้เพิ่มขึ้นกว่า 32,000 เฮกตาร์ มากกว่า 10,000 เฮกตาร์เมื่อเทียบกับปี 2013 โดยเฉพาะ จังหวัดกว๋างนิงห์เป็นหนึ่งในท้องถิ่นเดินหน้าในการทดลองมอบพื้นที่ทะเลให้องค์กรและบุคคลดูแลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจตามมติของรัฐบาล โดยตั้งเป้าการถือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง นาย กาวเตื่องฮวี ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิงห์เผยว่า
“เราได้วางผังจัดเขตเพาะเลี้ยงในท้องถิ่นริมฝั่งทะเลทั้งหมดของจังหวัด ซึ่งถือมติของรัฐบาลเป็นพื้นฐานทางนิตินัยสำคัญเพื่อดึงดูดการลงทุน นอกจากนี้ เรายังปฏิบัติกลไกและนโยบายต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เพื่อนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัยของโลกมาสู่จังหวัดกว๋างนิงห์ บนพื้นฐานดังกล่าว ทางจังหวัดฯ ได้อำนวยความสะดวกในเรื่องการมอบพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลให้แก่ประชาชนและสถานประกอบการในท้องถิ่น”
นาย กาวเตื่องฮวี ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิงห์ (baonhandan) |
ยุทธศาสตร์การพัฒนาทะเลอย่างยั่งยืนของจังหวัดกว๋างนิงห์คือ ถือชาวบ้านเป็นเสาหลักและมุ่งสู่เป้าหมายเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ พร้อมทั้งใช้ความได้เปรียบของจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 20 ล้านคนต่อปีเพื่อจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการทำฟาร์มทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนพร้อมกับการปกป้องความมั่นคงและงานด้านกลาโหมของประเทศ เครือบริษัท STP เป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่กำลังพัฒนาการทำฟาร์มทะเลอย่างมีประสิทธิภาพในจังหวัดกว๋างนิงห์ ซึ่งในตลอด 7 ปีที่ประกอบธุรกิจ ทางเครือบริษัทฯได้พัฒนาการทำฟาร์มทะเลอย่างยั่งยืนพร้อมกับการท่องเที่ยวและแสวงหาตลาดต่างประเทศเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ นาง เหงียนถิหายบิ่ง ผู้อำนวยการเครือบริษัท STP กล่าวว่า
“ทางบริษัทของเรากำลังปลูกสาหร่ายกระดูกอ่อนควบคู่กับการเพาะเลี้ยงหอยฝา และเร็วๆ นี้ เราะจะเพาะเลี้ยงหอยมุก ซึ่งเป็นการเพาะเลี้ยงแบบหลายชั้น โดยใช้ระบบกรงลอย HDPE ซึ่งช่วยให้เราเพิ่มมูลค่าในพื้นที่เพาะเลี้ยงแต่ละเฮกตาร์ ส่วนสินค้าของเราจะส่งออกไปยังสหรัฐ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งมีราคาสูงกว่า 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน”
นาย เจิ่นดิ่งลวน อธิบดีกรมสัตว์น้ำ สังกัดกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทประเมินว่า
“การทำฟาร์มทะเลอย่างยั่งยืนได้ช่วยให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งทางการจังหวัดกว๋างนิงห์ได้ตั้งใจตรวจสอบ ปรับปรุงและวางผังให้เขตเพาะเลี้ยงแบบรายย่อยเข้าร่วมการเพาะเลี้ยงแบบฟาร์มทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งประกาศมาตรฐานเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ถึงแม้การส่งมอบพื้นที่เพาะเลี้ยงให้ชาวบ้านในท้องถิ่นอื่นๆ จะประสบความยากลำบาก แต่ที่จังหวัดกว๋างนิงห์สามารถปฏิบัติเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ถ้าหากท้องถิ่นอื่นๆ มีความตั้งใจ ก็สามารถทำได้เช่นกัน”
ในยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดกว๋างนิงห์ การพัฒนาฟาร์มทะเลจะเป็นอุตสาหกรรมหลักในเวลาที่จะถึงและในร่างโครงการพัฒนาการทำฟาร์มทะเลของรัฐบาลก็กำหนดว่า จังหวัดกว๋างนิงห์จะเป็นศูนย์กลางการทำฟาร์มทะเลของประเทศ นาย เหงียนซวนกี๊ เลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดกว๋างนิงห์ เผยว่า
“ทางจังหวัดฯ ได้วางผังพื้นที่ทำฟาร์มทะเลกว่า 45,000 เฮกตาร์ตามแนวทางการพัฒนาอย่างรอบด้านที่ทันสมัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มมูลค่า มีความยั่งยืน อนุรักษ์ ปกป้องและพัฒนาแหล่งสัตว์น้ำ พัฒนาการท่องเที่ยวและการให้บริการ อุตสาหกรรมและปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงในเขตทะเล โดยอาศัยการปรับเปลี่ยนพันธุ์สัตว์น้ำและชนิดสัตว์น้ำให้เหมาะกับจุดแข็งของแต่ละท้องถิ่น เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของสัตว์น้ำ พัฒนาพื้นที่ทำฟาร์มทะเลแบบรวมศูนย์และประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น”
ผลสำเร็จจากการทำฟาร์มทะเลในจังหวัดกว๋างนิงห์ได้มีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งในด้านคุณภาพของสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ผลักดันการเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลอย่างยั่งยืนและสร้างเครื่องหมายการค้าให้แก่สัตว์น้ำของจังหวัดกว๋างนิงห์..