(VOVworld) – ยกระดับทักษะความสามารถในการผลิตข่าว ผลักดันความเข้าใจ การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การเมืองและสังคมระหว่างบรรณาธิการและผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยหรือสวท.กับสถานีวิทยุกระจายเสียงเวียดนามหรือวีโอวีคือเนื้อหาหลักในโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างวีโอวีกับสวท.ซึ่งถือเป็นสะพานเชื่อมผลักดันสัมพันธไมตรีระดับประชาชนระหว่างเวียดนามกับไทย รวมทั้งบรรณาธิการและผู้สื่อข่าวของวีโอวีและสวท.
พิธีต้อนรับเจ้าหน้่าที่ของวีโอวีมาฝึกงานที่สวท.
|
โครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างวีโอวีกับสวท.มาจากการลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือหรือเอ็มโอยูในทุกๆปีระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ของไทยหรือพีอาร์ดีกับวีโอวีโดยทุกปี พีอาร์ดีและวีโอวีจะร่วมมือในหลายด้าน เช่น การแลกเปลี่ยนบทความ การผลิตข่าวและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยกับวีโอวี ท่าน พิชญา เมืองเนาว์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยได้เผยว่า“ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยรู้สึกยินดีที่มีโอกาสต้อนรับเจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุกระจายเสียงเวียดนามมาแลกเปลี่ยนการเยือนบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในการผลิตและในการวิทยุของไทยและเวียดนามซึ่งฝ่ายสวท.ได้พาเจ้าหน้าที่ของวีโอวีไปดูงานในส่วนงานต่างๆ เช่น ส่วนสื่อข่าว การผลิตข่าวและส่วนเทคนิคเพื่อมีความรู้ที่หลากหลาย การฝึกงานก็จะสั้น 1 เดือนเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ของวีโอวีจะมีโอกาสไปดูปฏิบัติงานกับหลายส่วนหลายฝ่ายและเรียนรู้แนวคิดการทำงานและมีประสบการณ์เพื่อไปถ่ายทอดให้กับผู้อื่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของวีโอวีด้วย ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยมีความหวังว่า การดำเนินกิจกรรมตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในการผลิตและการวิทยุของไทยและเวียดนามจะสร้างประโยชน์ให้แก่บุคลากรของทั้งสองประเทศ ”
นอกจากการเพิ่มความรู้และยกระดับทักษะความสามารถในการผลิตข่าว โครงการนี้ยังช่วยให้บรรณาธิการและผู้สื่อข่าวของทั้งสองฝ่ายรายงานข่าวของแต่ละประเทศอย่างถูกต้อง ท่าน พิชญา เมืองเนาว์ เผยต่อไปว่า“โครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศผ่านการที่ต่างฝ่ายต่างส่งบุคลากรมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันซึ่งจะทำให้มีข้อมูลข่าวสารมากขึ้นเพื่อนำมานำเผยแพร่ไปยังประเทศนั้นๆอย่างถูกต้องและตรงกับสภาพความเป็นจริงมากขึ้นนำความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันในอนาคต สร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อมุ่งสู่การสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนในปี 2015 อีกทั้งทำให้บุคลากรที่ทำงานในด้านนี้มีความรู้เกี่ยวกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการเมืองของประเทศในภูมิภาคเดียวกันเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้นและถูกต้อง”
ผอ.ของสวท.มอบของขวัญให้แก่ผู้สื่อข่าวของวีโอวี
|
ส่วนนาย รักษ์ธานี นอนประเสริฐ ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เผยว่า ถึงแม้ได้มาดูงานที่วีโอวีเป็นเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่ได้สร้างความทรงจำมากมายทั้งด้านชีวิตและวัฒนธรรมของคนเวียดนาม“ผมรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสฝึกงานในเวียดนามถึงแม้ฝึกงานในเวียดนามเป็นเวลา 1 เดือนก็ตาม ผมได้แชร์ประสบการณ์ ได้ให้ความรู้ภาษาไทยแก่ชาวเวียดนามเพื่อพัฒนาในทางที่ดีขึ้น ฝ่ายเวียดนามได้อำนวยความสะดวกในทุกอย่าง ช่วยเหลือผมปรับตัวเข้ากับสังคม มีอะไรก็ยินดีช่วยเหลือ ฝ่ายเวียดนามก็ยินดีต้อนรับเป็นอย่างดี ผมมีเพื่อนเป็นคนเวียดนามเยอะ รู้จักทุกคนเลย เป็นมิตรที่ดี ไปไหนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายยินดีพาไปสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่ง ผมรู้สึกประทับใจมาก ถ้ามีโอกาสก็จะช่วยเหลือคนเวียดนามที่มาเมืองไทย มาเรียนรู้ภาษาไทยให้มากยิ่งขึ้น ผมทำอาหารเวียดนามหลายอย่างเป็น เช่นจ๋าหย่อหรือเปาะเปี๊ยทอด ผมได้ซื้อแผ่นแป้งจากเวียดนามมาทำที่บ้านด้วย”
สำหรับนาง เหงียนถี่เอี๊ยน ผู้สื่อข่าวของรายการภาคภาษาไทยของวีโอวี การได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างวีโอวีกับสวท.คือโอกาสที่ดีเพื่อฝึกภาษาไทยให้คล่องแคลวซึ่งเป็นงานที่เธอทำประจำที่วีโอวี ได้เข้าถึงการผลิตข่าวของสวท. ตลอดจนมีเพื่อนใหม่คนไทยมากขึ้น“ทุกวัน ดิฉันคุยกับเพื่อนๆชาวไทย การใช้ภาษาไทยของดิฉันจึงดีขึ้น ดิฉันรู้จักการใช้ภาษาไทยในการพูดคุยทุกวันมากขึ้นเพราะทำงานที่วีโอวี ดิฉันใช้ภาษาเขียนมากกว่า ถ้าดิฉันมีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจ เพื่อนๆชาวไทยก็ยินดีช่วยเหลือ ช่วงเวลาฝึกงานที่สวท.ได้สร้างความประทบใจเป็นอย่างมาก ดิฉันมีเพื่อนๆคนไทยมากขึ้น”
อาจกล่าวได้ว่า ความร่วมมือด้านวิทยุระหว่างวีโอวีกับสวท.ได้มีส่วนร่วมไม่น้อยช่วยให้ประชาชนของเวียดนามและไทยมีความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างผู้ที่ปฏิบัติงานในด้านวิทยุ โครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรเป็นช่องทางของการร่วมมือที่ดีของทั้งสองประเทศในการมุ่งสู่การปฏิบัติเป้าหมายที่ได้วางไว้เกี่ยวกับการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2015./.