เนื่องในโอกาสวันชาติเวียดนาม 2 กันยายน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชสาส์แสดงความยินดีถึงประธานประเทศเวียดนาม เหงียนซวนฟุ๊ก ส่วนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยได้ส่งโทรเลขแสดงความยินดีถึงนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง โดยได้อวยพรรัฐบาลและประชาชนเวียดนาม พร้อมทั้งแสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศกำลังพัฒนาอย่างงดงาม ถึงแม้ต้องรับมือความท้าทายต่างๆจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ก็ตาม ผู้นำไทยได้ยืนยันว่า การที่ทั้งสองประเทศจัดกิจกรรมรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2021 จะช่วยให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งเวียดนาม - ไทยก้าวรุดหน้าต่อไป
นาย ฟานชี้แถ่ง และนาย อนุทิน ชาญวีรกูล |
บ่ายวันที่ 27 กันยายน ในการให้การต้อนรับนาย ฟานชี้แถ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทยได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยอำนวยความสะดวกให้โรงงานผลิตวัคซีน AstraZeneca ในประเทศไทยเพิ่มกำลังการผลิตในระดับสูงสุดเพื่อสามารถส่งมอบวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศเวียดนาม นาย อนุทิน ชาญวีรกูลเสนอให้เพิ่มการประสานงานระหว่างสองประเทศในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์รับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวต่างชาติ รวมถึงชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยต่อไป ส่วนนาย ฟานชี้แถ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยได้เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขของทั้งสองประเทศผลักดันความร่วมมือในสภาวการณ์การแพร่ระบาด พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับการรับรอง "วัคซีนพาสปอร์ต " ระหว่างกัน เห็นพ้องเกี่ยวกับข้อกำหนดในการเข้าออกเมือง ระยะเวลาการแยกตัวสำหรับพลเมืองของทั้งสองประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม มุ่งสู่การจัดทำข้อกำหนดการเดินทางอย่างปลอดภัยระหว่างนครใหญ่ๆและสถานที่ท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
การสัมมนาออนไลน์ "ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเวียดนาม - ไทย" (vietnamplus) |
ลำดับต่อไปคือข่าวกิจกรรมด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ได้มีการจัดการสัมมนาออนไลน์ "ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเวียดนาม - ไทย" ซึ่งจัดโดยสถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยและสถานไทย ณ กรุงฮานอย ในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างซับซ้อน เศรษฐกิจโลก รวมทั้งไทยและเวียดนามได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก การจัดการสัมมนาออนไลน์ "ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเวียดนาม - ไทย" มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 การสัมมนาแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยวิทยากรนำเสนอและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาหลัก ได้แก่ นโยบายฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนาม – ไทย การรับมือผลกระทบในทางลบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อการดำเนินธุรกิจในเวียดนามและไทย เศรษฐกิจดิจิทัลและแรงขับเคลื่อนสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต สถานการณ์การค้าและการลงทุนในสภาวการณ์แห่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การสัมมนาเป็นโอกาสเพื่อแนะนำและส่งเสริมภาพลักษณ์ของเวียดนาม รวมทั้งจังหวัดกว๋างนิงห์ให้แก่นักลงทุนและสถานประกอบการไทย โดยเฉพาะการแนะนำความสำเร็จที่ได้บรรลุในการปฏิรูประเบียบราชการ การปกป้องบรรยากาศการลงทุน การประกอบธุรกิจ นโยบายของจังหวัดกว๋างนิงห์ในการดึงดูดนักลงทุนในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างซับซ้อน การแลกเปลี่ยนความเห็น ความคิดริเริ่ม เรียนรู้ประสบการณ์เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาและเสนอแนวทางแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 22 กันยายน ได้มีการจัดการประชุมออนไลน์เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างจังหวัดกว๋างนิงห์กับจังหวัดภูเก็ตเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้งในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19 ได้รับการควบคุม
มอบอุปกรณ์การศึกษาสำหรับห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ และโครงการสวนการเรียนรู้ให้แก่โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา Hung Thang |
ในโอกาสเยือนจังหวัดกว๋างนิงห์เมื่อวันที่ 15 กันยายน นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ได้เดินทางไปมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสและด้านสวัสดิการสังคม ณ สถานคุ้มครองและดูแลเด็กพิเศษจังหวัดกว๋างนิง มอบอุปกรณ์การศึกษาสำหรับห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ และโครงการสวนการเรียนรู้ให้แก่โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาหุ่งทั้ง เมืองฮาลอง จังหวัดกว๋างนิงห์ ซึ่งโรงเรียนประถมและมัธยมหุ่งทั้งเป็นหนึ่งใน 3 โรงเรียนในเวียดนามที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
นาย อภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ไทย ณ นครโฮจิมินห์รับเข็มที่ระลึก “เพื่อสันติภาพและมิตรภาพระหว่างประชาชาติ” (thoidai.com.vn) |
เนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างเวียดนามกับไทย เมื่อเช้าวันที่ 15 กันยายน ณ นครโฮจิมินห์ สมาพันธ์องค์กรมิตรภาพนครโฮจิมินห์หรือ HUFO ได้มอบเข็มที่ระลึก "เพื่อสันติภาพและมิตรภาพระหว่างประชาชาติ" ให้แก่ นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ไทย ณ นครโฮจิมินห์ เนื่องจากมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพและเข้มแข็งต่อกิจกรรมการทูตเพื่อรักษา เสริมสร้างและผลักดันสัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างประชาชนไทยและเวียดนาม
นาย อภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ได้ยืนยันว่า จะพยายามอย่างเต็มที่ต่อไปเพื่อมีส่วนร่วมต่อการทำนุบำรุง เสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม และเผยว่า ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะสนับสนุนและยืนเคียงข้างกับเวียดนามเสมอในการต่อสู้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในโอกาสนี้ ผ่านสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย ณ นครโฮจิมินห์ นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ได้มอบทุนการศึกษาจำนวน 30 ทุน ให้แก่นักเรียนและนักศึกษาเวียดนามของนครโฮจิมินห์ที่มีผลการเรียนดี.
เมื่อค่ำวันที่ 24 กันยายน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้ประสานกับสถานีวิทยุเวียดนามหรือวีโอวีจัดพิธีมอบรางวัลการประกวดคลิปวีดิทัศน์ Thai-Vietnamese Friendship in the New Normal Contest ผ่านช่องทางออนไลน์ในโอกาสฉลองครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม คณะกรรมการจัดงานได้เลือก 20 คลิปวีดิทัศน์จากเยาวชนเวียดนามและไทยเข้ารอบสุดท้าย โดยคลิปวีดิทัศน์เหล่านี้มีเนื้อหาที่หลากหลาย เช่นวัฒนธรรม อาหารการกิน การท่องเที่ยวและศิลปะ โดยรางวัลที่ 1 เป็นของคุณ Le Huong Giang และคุณ Duangjai Phairotwarakan รางวัลที่ 2 เป็นของคุณ Huynh Le Minh Toan และคุณ Prorawat Wichitpan และรางวัลที่ 3 เป็นของคุณ Pham Thi Phuoc Hoai และคุณ Henriette Erawan Kamphorst คลิปวีดิทัศน์ที่ได้รับรางวัลที่ 1 ของคุณ Le Huong Giang และคุณ Duangjai Phairotwarakan ดึงดูดผู้ชมเป็นอย่างมากเนื่องจากมีแนวคิดเฉพาะในการแนะนำเกี่ยวกับประเทศและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ตลอดจนความสามารถในการแสดงการร้องเพลงเป็นภาษาไทยและเวียดนาม ในการกล่าวปราศรัยในพิธีมอบรางวัล นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้แสดงความประทับใจต่อแนวคิด ความสามารถและความพยายามของผู้เข้าร่วมการประกวด “ถึงแม้ไม่ได้รับชัยชนะในการประกวด แต่ผมเชื่อมั่นว่า ทุกคนต่างมีประสบการณ์ดีกับเพื่อนๆหลังจากเข้าร่วมการประกวดนี้” ส่วนนาย โงมิงเหียน รองประธานวีโอวีได้ย้ำว่า “ในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างซับซ้อน ผลงานที่เข้าร่วมการประกวดได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า มิตรภาพระหว่างสองประเทศจะฟันฝ่าความยากลำบาก เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งเยาวชนสามารถกระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้น มีความเข้าใจกันมากขึ้นและพัฒนาสัมพันธไมตรีที่ยั่งยืนระหว่างเวียดนามกับไทยต่อไป.”