นายฝามแซงเจา เอกอัครราชทูต ตัวแทนพิเศษของนายกฯเวียดนาม |
จากพื้นฐานการเป็นนักการทูตมืออาชีพที่ได้ผ่านการฝึกอบรมทั้งในเวียดนามและในหลายประเทศยุโรป นายฝามแซงเจามีความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศหลายภาษาโดยเฉพาะอังกฤษกับฝรั่งเศส เขาได้เป็นเอกอัครราชทูตเวียดนามคนแรกๆที่นำมรดกเวียดนามออกสู่ทั่วโลกในตลอดระยะเวลาเกือบ18ปีที่มีความผูกพันธ์กับกิจกรรมทางวัฒนธรรม มรดกและยูเนสโก้ต่างๆและได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้มรดกหลายรายการของเวียดนามได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ ดังนั้นเขาจึงได้รับการขนานนามเป็น “ทูตแห่งมรดก” ของเวียดนาม ซึ่งเอกอัครราชทูตฝามแซงเจาได้บอกว่า ยิ่งมีโอกาสเดินทางไปหลายที่และพบปะกับคนหลายคนรวมทั้งเข้าถึงอารยธรรมของโลก เขาก็ยิ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพวัฒนธรรมการท่องเที่ยวและธรรมชาติของเวียดนามเพื่อแนะนำให้มิตรประเทศทั่วโลกได้รับทราบ“ชะตาทำให้ผมมีความผูกพันกับงานด้านวัฒนธรรมคือเมื่อปี1999 ซึ่งตอนนั้นท่านเหงวียนแหมงเกิ่ม อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศได้บอกกับผมว่าผมพร้อมที่จะรับหน้าที่เป็นตัวแทนการทูตของเวียดนามในต่างประเทศ ซึ่งจากความรู้ด้านภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสพร้อมบุคลิกภาพที่สะท้อนถึงความรักความหลงไหลในวัฒนธรรม ท่านจึงแต่งตั้งให้ผมเป็นทูตของเวียดนามประจำองค์การยูเนสโก้และประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ชีวิตของผมก็ผูกพันกับภารกิจแห่งวัฒนธรรมต่างๆและผมก็สำนึกในบุญคุณของท่านมาก”
จากมุมมองของนักการทูต นายฝามแซงเจาได้ตระหนักว่า วัฒนธรรมคือสายใยช่วยให้มนุษย์สามารถเข้าถึงความดีเลิศของประเทศต่างๆและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประชาชาติในทั่วโลก ดังนั้นเขาจึงพยายามแสวงหามาตรการเพื่อให้มรดกอันล้ำค่าต่างๆของเวียดนามได้มีโอกาสพัฒนาเป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องทั้งในเเละต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ทั่วโลกรับทราบและเข้าใจเกี่ยวกับประเทศเวียดนามมากขึ้น“ในระหว่างการทำงานในต่างประเทศ เพื่อนต่างชาติของผมหลายคนได้พูดคำคำหนึ่งที่ทำให้ผมต้องครุ่นคิดนั่นคือ ปัจจุบันในโลกนี้อะไรก็มีอะไรก็ทำได้ยกเว้นมรดกวัฒนธรรมและธรรมชาติเพราะเป็นผลของธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถทำใหม่ขึ้นเองได้ เวียดนามมีมรดกวัฒนธรรมและธรรมชาติมากมายหลายแห่ง ซึ่งถือเป็นคลังมรดกที่น่าภูมิใจดังนั้นเราต้องทำเพื่อประชาสัมพันธ์และพัฒนามรดกเหล่านี้ต่อไปเพื่อให้เป็นที่รู้จักในทั่วโลกด้วย ช่วยดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาเที่ยวเวียดนามมากขึ้น อันเป็นการมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของท้องถิ่นต่างๆควบคู่กับการอนุรักษ์มรดกนั้นๆให้คงอยู่มั่งคงและยั่งยืนต่อไป”
|
ในเวลาที่ผ่านมา นักการทูตฝามแซงเจาได้ร่วมกับนักวิจัยเวียดนามหลายคนเดินทางไปศึกษาค้นคว้าเพื่อนำวัฒนธรรมอันล้ำเลิศของเวียดนามแนะนำให้ชาวโลกได้รับรู้และเขาก็เป็นบุคคลที่มีส่วนร่วมสำคัญต่อการเสนอและรณรงค์เพื่อให้มรดกหลายรายการของเวียดนามได้รับการรับรองในเวทีโลกรวมทั้งการรับรองเขตสงวนชีวมณฑลโลก6แห่งและอ่าวทะเลที่สวยที่สุดของโลกอีก2แห่งคืออ่าวญาจางและอ่าวลังโก สำหรับเอกอัครราชทูตฝามแซงเจา หากยังมีโอกาสเขาก็จะพยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อให้เวียดนามมีมรดกอีกหลายๆรายการได้รับการยกย่องยืนยันบนเวทีโลก“ผมกำลังทุ่มเทกับการประชาสัมพันธ์น้ำปลาฟู้ก๊วกและพยายามให้อาชีพพื้นเมืองนี้ได้เป็นมรดกวัฒนธรรมนามธรรมที่เป็นตัวแทนของมนุษยชาติ อย่างเมื่อเร็วๆนี้มีหลายประเทศได้ร่วมกันเพื่อยื่นเสนอให้รับรองเทศกาลฉลองปีใหม่ประเพณีเป็นมรดกวัฒนธรรมนามธรรมโลก เทศกาลตรุษเต๊ตของเวียดนามก็น่าสนใจมากซึ่งสมควรที่จะได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกเช่นกัน ซึ่งในจำนวนมรดกต่างๆนั้นเราต้องรู้จักเลือกอะไรที่เป็นจุดแข็งและเป็นสิ่งที่สามารถสร้างพลังจูงใจได้”
เอกอัครราชทูตฝามแซงเจาเคยดำรงตำแหน่งต่างๆในกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามแต่ปี2017จะเป็นปีที่สร้างนิมิตหมายที่น่าจดจำที่สุดเมื่อเขาได้เป็นนักการทูตคนแรกที่เป็นตัวแทนของเวียดนามเข้าชิงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การยูเนสโก้แห่งสหประชาชาติ โดยเขาสามารถตอบสัมภาษณ์เป็นเวลา90นาที ณ สำนักงานของยูเนสโก้ในกรุงปารีสเมื่อวันที่27เมษายนที่ผ่านมาได้อย่างดีเยี่ยมและได้รับคำชื่นชมจากมิตรประเทศ ตามระเบียบการของยูเนสโก้ ในการประชุมครั้งที่202ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ สภาบริหารยูเนสโก้จะลงคะแนนลับเพื่อเลือกผู้ลงสมัครที่จะได้รับการเสนอชื่อในสมัชชาใหญ่ครั้งที่39ของยูเนสโก้ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเพื่อให้ที่ประชุมลงคะแนนลับให้การรับรองอย่างเป็นทางการ.