(VOVworld) – มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า ที่ถนนด่าวยวีตื่อในย่านถนนโบราณ 36 สาย ที่คึกคักไปด้วยกิจกรรมบันเทิงยามค่ำคืนสำหรับคนรุ่นใหม่นั้นยังมีเวทีสำหรับการแสดงศิลปะพื้นเมืองเวียดนาม เช่น กาจู่ เสิม แจ่วและต่วง นั่นคือรายการ “เรื่องดนตรีในย่านถนนโบราณ 36 สาย” ที่ได้เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2016 ในทุกๆวันเสาร์สัปดาห์ที่สองเพื่อให้ผู้ฟังรู้จักศิลปะพื้นเมืองของกรุงฮานอยและมีส่วนร่วมอนุรักษ์และประชาสัมพันธ์คุณค่าของศิลปะพื้นเมืองเวียดนาม
“ซวี๊เวินทำท่าจะบ้า”
|
เวลา 2 ทุ่มครึ่งทุกๆวันเสาร์ ที่ศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เลขที่ 50 ถนนด่าวยวีตื่อในย่านถนนโบราณ 36 สายของกรุงฮานอย เสียงกลองและฆ้องที่คึกครึ้นในห้องที่ทำจากไม้กว้างประมาณ 80 ตารางเมตร ได้ทำให้ผู้ชมกว่า 100 คนรู้สึกเหมือนว่ากำลังเข้าสู่โลกใหม่จนลืมไปว่า ภายนอกศูนย์คือบรรยากาศที่พลุกพล่านจอแจของถนนคนเดินและตลาดกลางคืน ที่นี่ไม่ใช่การแสดงบนเวทีใหญ่ที่มีไฟสว่าง หากเป็นแค่เสื่อกบ 2 ผืนพร้อมแสงไฟที่สลัวๆเท่านั้น ศิลปินในกลุ่มดงกิงโก๋หญากหรือกลุ่มศิลปินพื้นเมืองฮานอยกำลังทำการแสดงอย่างใกล้ชิดกับผู้ชม นาย John Diamond นักธุรกิจชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่กำลังอาศัยในกรุงฮานอยที่นั่งเก้าอี้แถวหน้ากำลังชมการแสดงอย่างตั้งใจ ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของเวทีดนตรีพื้นเมืองนี้ได้ดึงดูดใจให้เขามาชมหลายครั้งแล้ว “มีเพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำให้ผมรู้จักรายการนี้ นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมมาที่นี่ ผมชอบมาก นี่คือเอกลักษณ์วัฒนธรรมเวียดนามแท้ๆ แม้ไม่เข้าใจความหมายของเพลงแต่ก็รู้สึกประทับใจมากต่อดนตรีและลีลาของเพลง”
การแสดงเพลงพื้นเมืองกาจู่ “จ่างอานหว่ายโก๋” หรือ “หวนมองกรุงเก่าจ่างอาน”
|
ไม่มีไมค์ ไม่มีเครื่องขยายเสียงเหมือนเวทีการแสดงที่ทันสมัย ศิลปินดีเด่นชั้นครูดว่านแทงบิ่งห์นั่งบนเสื่อแล้วปล่อยอารมณ์ไปกับเพลงกาจู่ “จ่างอานหว่ายโก๋”หรือเพลงเกี่ยวกับกรุงฮานอยในอดีต เสียงร้องที่ไพเราะเพราะพริ้งของเธอผสานกับเสียงดนตรีพื้นเมืองต่างๆ เช่น พิณพระจันทร์ กลองและเครื่องเคาะก็ได้พาผู้ชมไปดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ย้อนอดีตไปนับร้อยปี “เวทีนี้ดีมากสำหรับศิลปินอย่างเราเพราะเหมาะสมสำหรับการร้องเพลงพื้นเมืองเก่าๆ เช่น แจ่ว ต่วง กาจู ฮาดวันและฮาดเสิม เราร้องเพลงด้วยเสียงจริง จึงก็ไม่กังวลว่า ไมโครไฟนจะทำให้เสียงของเราเปลี่ยนไป”
ไม่เพียงแต่มีศิลปินชั้นครูเข้าร่วมการแสดงบนเวทีนี้เท่านั้น หากสำหรับศิลปินรุ่นใหม่เวทีนี้ถือเป็นโอกาสให้พวกเขาได้เข้าถึงผู้ชมอย่างใกล้ชิดมากขึ้น การร้องเพลงเจ่าวัน “โกโดย เถืองหง่าน” พร้อมท่ารำประกอบการแสดงที่อ่อนช้อยของศิลปินดีเด่นบิ๊กเลียนได้ทำให้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น ผู้ชมทั้งผู้สูงอายุและเยาวชนต่างปรบมือตามเสียงเพลง “ดิฉันรู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมแสดงกับศิลปินชั้นครู ซึ่งดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิชาชีพจากศิลปินอาวุโสได้รับกำลังใจเนื้อเพิ่มความหลงไหลในอาชีพมากขึ้น ในชีวิตประจำวัน บางทีดิฉันก็รู้สึกท้อแต่เมื่อเห็นการแสดงของศิลปินชั้นครู โดยเฉพาะความหลงไหลในอาชีพของพวกเขาและการสนับสนุนของผู้ชม ก็รู้สึกว่า ตนเองต้องพยายามมากขึ้น”
การแสดงเพลงโจ่ววัน “โกโดยเถื่องหง่าน”
|
“เรื่องดนตรีในยานถนนโบราณ 36 สาย”
มีขึ้นในวันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองทุกๆเดือน
ถ้าหากมีโอกาสมาเยือนกรุงฮานอยในช่วงนั้น
ขอเชิญท่านแวะมาเยือนศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เลขที่ 50
ถนนด่าวยวีตื่อในย่านถนนโบราณ 36
สายของกรุงฮานอยเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศการแสดงศิลปะพื้นเมืองของเวียดนาม.
ในตลอดกว่า 1 ชั่งโมง การร้องเพลงพื้นเมืองต่างๆได้พาผู้ชมเข้าสู่อารมณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งการดื่มด่ำกับเพลงกล่อมเด็กที่หวานๆของศิลปินประชาชนแทงหว่าย ตกใจกับเสียงร้องตะโกนของศิลปินดีเด่นทวี๊ยเหงิ่นในบทแจ่ว “ซวี๊เวินทำท่าจะบ้า” หรือหัวเราะเพราะเนื้อเพลงแปลกๆในบทเพลง “ เกิมบุ๋ย” ของศิลปินประชาชนแหมกแหวก
หลังการร้องแต่ละเพลง ท่ามกลางเสียงปรบมือก็มีเสียงปล่อยแท่งไม้ไผ่ที่ผู้ชมเอาไปใส่ในอ่างทองแดง วางอยู่หน้าเวทีโดยแต่ละแท่งมีค่าเท่ากับ 2 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงความชื่นชอบรายการแสดง แม้มาชมในครั้งแรกแต่มิงลองก็ชอบมาก แท่งไม้ไผ่รวม 3 แท่งที่เอาไปก็หมดแล้ว “ผมมาชมโดยบังเอิญแต่ก็ชอบมาก การแสดงนี้ถือเป็นการแสดงเอกลักษณ์ที่ดีเลิศของศิลปะพื้นเมืองฮานอยและโชคดีที่คนรุ่นใหม่เหมือนผมได้รับชม”
ต้องทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่เหมือนนายมิงลอง ที่แม้มาชมโดยบังเอิญแต่ก็หลงไหลกับคุณค่าของดนตรีพื้นเมืองนี้คือวัตถุประสงค์ของนักดนตรีหวูเหญิดเติน ผู้กำกับรายการ “ หลังจัดขึ้นเป็นเวลา 1 ปี ถึงขณะนี้ รายการนี้ถือเป็นรายการที่มีคุณภาพมาก ผู้ชมล้วนเป็นคนที่รักและหลงไหลอย่างจริงจัง ถ้าหากมาชมก็นั่งชมจนจบรายการ แม้ยังมีความลำบากต่างๆ เช่นการเงินและการประชาสัมพันธ์ แต่พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดให้แก่คนรุ่นหลัง”
การแสดงจบตอน 4 ทุ่ม แต่ผู้ชมก็ยังคงรู้สึกคล้อยตามกับอารมณ์การแสดง ท่ามกลางความทันสมัยของเมืองหลวงที่อยู่รอบตัวเรา การแสดงนี้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเชื่อมระหว่างอดีตกับปัจจุบัน สร้างแง่มุมใหม่ให้แก่ผู้ชมชาวต่างชาติและคนรุ่นใหม่เวียดนามเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะพื้นเมืองเวียดนามในกรุงทังลองฮานอยที่มีอายุยืนยาวนับพันปี.