พลเอกเลดึ๊กแองห์ อดีตประธานประเทศได้เข้าร่วมขบวนการปฏิวัติตั้งแต่อายุยังน้อยและในฐานะเป็นนายพลที่ชี้นำและเข้าร่วมการสู้รบในสมรภูมิท่านจึงผ่านสงครามกู้ชาติปกป้องปิตุภูมิของเวียดนามในทุกระยะ โดยในสงครามต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสท่านได้เข้าร่วมการต่อสู้ที่สมรภูมิทิศตะวันออกของภาคใต้ ส่วนในสงครามต่อต้านอเมริกาเพื่อกู้ชาติ ท่านได้ปรากฎในทุกสมรภูมิทางภาคใต้และยังรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังอาสาสมัครเวียดนามในกพช. ซึ่งจุดเด่นที่สะท้อนในคุณสมบัติของท่านคือเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ พลเอกฝามวันจ่า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมได้เผยว่า ในสงครามปกป้องชายแดนทิศตะวันตกภาคใต้ พลเอกเลดึ๊กแองห์ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคที่9ได้มีการพยากรณ์อย่างถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ในกพช.และได้มีแผนการรักษากำลังอย่างถูกต้อง “ท่านพลเอกเลดึ๊กแองห์ได้จัดตั้งกองพล30 จากการเลือกกองพันที่เก่งที่สุดในช่วงต่อสู้กับอเมริกาซึ่งได้ช่วยยืนหยัดจิตใจแห่งการต่อสู้ และเมื่อกองกำลังพอลพตเขมรเเดงบุกโจมตี เขาก็ได้ส่งกองพล30ออกมาสู้และก็เกิดประสิทธิภาพอย่างจริงจัง อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านได้มีแผนการเตรียมไว้ก่อนเพื่อรับมือสถานการณ์แล้วแล้วปี”

 จากส่วนอุทิศที่ยิ่งใหญ่และการเข้าร่วมการชี้นำการต่อสู้โดยตรงเพื่อปลดปล่อยภาคใต้ตลอดจนภารกิจการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านกพช.ลุดพ้นจะภัยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พอลพตเขมรเเดง ท่านพลเอกเลดึ๊กแองห์ได้รับเลือกเป็นประธานประเทศวาระปี1992-1997 ซึ่งท่านได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่อยู่เคียงข้างเลขาธิการใหญ่พรรคเหงวียนวันลิงห์และผู้นำท่านอื่นๆในการริเริ่มและชี้นำภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ นำประเทศฝ่าวิฤกต์เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการยกระดับ ความสัมพันธ์กับต่างประเทศได้รับการขยาย สถานะของเวียดนามบนเวทีโลกได้รับการยกระดับให้สูงขึ้น

จนถึงทุกวันนี้ท่านจูมมาลี ไซยะสอนอดีตประธานประเทศลาวก็ยังคงระลึกถึงด้วยความเคารพรักยิ่งสำหรับผู้นำประเทศที่ทุ่มเทกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพเวียดนาม-ลาวคืออดีตประธานประเทศเลดึ๊กแองห์ “ในสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งก็เป็นช่วงที่เวียดนามต้องเริ่มสร้างสรรค์กองกำลังหลังการปลดปล่อยแต่ท่านก็ยังคงสนใจธำรงเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพสองประเทศให้นับวันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ช่วยเหลือและสนับสนุนกองทัพลาวให้นับวันพัฒนาเข้มแข็งผ่านการส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งงานที่ท่านทำทุกอย่างล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาในการเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาขึ้นสู่ระดับใหม่”

ส่วนในความคิดของพันเอก รองศ.ดร.โห่เซินด่าย อดีตหัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์การทหารแห่งกองทัพภาคที่7 อดีตประธานประเทศเลดึ๊กแองห์คือ “สถาปนิก” แห่งการสร้างมาตรการเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ในกระบวนการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติกับจีนและสหรัฐ “ท่านเลดึ๊กแองห์ได้เสนอให้กรมการเมืองการผลักดันกระบวนการส่งเสริมความสัมพันธ์กับชุมชนชาวฮัวที่เขตเจอะเลิ้นนครโฮจิมินห์และได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งหลายครั้งเพื่อเตรียมให้แก่กระบวนการปรับความสัมพันธ์กับจีนในปี1991และต่อจากนั้นคือกับสหรัฐในปี1995 ซึ่งนับเป็นส่วนร่วมที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่งในการปฏิบัติภารกิจของท่านเลดึ๊กแองห์”.