พิธีกรรมเล่นชักเย่อนั่งที่วิหาร เจิ๊นหวูในกรุงฮานอย ได้รับการรับรองเป็นมรดกวัฒนธรรมนามธรรมของมนุษยชาติจากยูเนสโก (nhandan.com.vn) |
การเล่นชักเย่อนั่งมักจะจัดที่ลานดินและใช้เชือกหวายเส้นใหญ่ยาวประมาณ 25-30 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕ เซนติเมตร โดยเอกลักษณ์ของพิธีชักเย่อนั่งในแขวงแถกบ่านคือจะมีหลักไม้ทาสีแดงที่มีรูเล็กๆสูงจากพื้นประมาณหัวเข่าปักอยู่กึ่งกลางลานแข่งขัน ซึ่งรูดังกล่าวเอาไว้สำหรับร้อยเชือกหวายที่จะใช้ในการดึง
ตามตำนาน เมื่อก่อน หมู่บ้านหงอกจี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแขวงแถกบ่าน เขตลองเบียน กรุงฮานอย ประสบภัยแล้ง หมู่บ้านมีบ่อน้ำ ๑๒ บ่อ โดยบ่อน้ำ ๑๑ บ่อไม่มีน้ำ เหลืออยู่บ่อเดียวที่มีน้ำ ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านเดี่ย ผู้ชายจากหมู่บ้านหม่านเดื่องและหม่านเจาะจึงไปเอาน้ำที่หมู่บ้านเดี่ย แต่ถูกผู้ชายในหมู่บ้านเดี่ย ขัดขวาง ไม่ให้เอาน้ำไป ในช่วงนั้น การขนน้ำจะใช้กระบุงที่ทำด้วยหวาย ทั้งสองฝ่ายจึงดึงเชือกแย่งกันไปมาแต่ก็กลัวว่าน้ำจะหกจึงนั่งลงแล้วกอดกระบุงใส่น้ำไว้แล้วก็ดึงกันไปมาจนเชือกหวายขาด เมื่อภัยแล้งผ่านพ้นไป เพื่อรำลึกถึงเรื่องนั้น ชาวบ้านจึงจัดการเล่นชักเย่อในงานเทศกาลของหมู่บ้านเพื่อขอพรให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล
การเล่นชักเย่อนั่งมักจะจัดที่ลานดินและใช้เชือกหวายเส้นใหญ่ยาวประมาณ 25-30 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕ เซนติเมตร (nhandan.com.vn) |
ก่อนจัดงานเทศกาล ชาวบ้านหงอกจีจะทำการคัดเลือกผู้เข้าร่วมการแข่งขัน โดยคุณสมบัติแรกคือมีครอบครัวที่มีคน ๕ รุ่นอาศัยในหมู่บ้านและเป็นครอบครัวที่มีวัฒนธรรม หมู่บ้านหงอกจี มี ๓ ชุมชนที่เรียกว่าหม่าน ประกอบด้วย หม่านเดื่อง หม่านเดี่ย หม่านเจอะ ทุกหม่านส่ง ๑ ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ถึงวันเปิดงานเทศกาลหมู่บ้าน ทุกหม่าน จะถวายของเซ่นไหว้เทพเจ้าที่วิหารเจิ๊นหวูก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน ทุกทีมมีสมาชิก ๑๕ ถึง ๒๔ คน และผู้นำทีม ๑ คน นาย โงกวางขาย หัวหน้าคณะกรรมการบริหารเขตโบราณสถานวิหารเจิ๊นหวู แขวงแถกบ่าน เขตลองเบียน กรุงฮานอยเผยว่า “ทุกทีมมีสมาชิกตั้งแต่ 15-24 คน แต่ปีนี้ พวกเรากำหนดให้แต่ละทีมมีสมาชิก 19 คนโดยเลือกผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 ปี มีสุขภาพแข็งแรง มีคุณธรรมและได้รับความรักจากประชาชน”
ทุกทีมมีสมาชิกตั้งแต่ 15-24 คน แต่ปีนี้ พวกเรากำหนดให้แต่ละทีมมีสมาชิก 19 คน (nhandan.com.vn) |
ก่อนเริ่มการแข่งขัน เชือกหวายจะถูกตรึงไว้กับรูของหลักไม้และเมื่อกรรมการให้สัญญาณเริ่มการแข่งขันก็จะทำการคลายเชือกลง ผู้แข่งขันของทั้งสองทีมก็จะนั่งเหยียดขาเพื่อเตรียมพร้อม นาย ฝ่ามยวีดง จากหม่านเดื่อง แขวงแถกบ่าน เขตลองเบียน กรุงฮานอยเผยว่า ข้อดีของการเล่นชักเย่อนั่งคือพวกเราสามารถใช้เท้ายันพื้นใช้แรงจากหลังในการดึงเชือก ส่วนมือจะใช้จับเชือกให้แน่น ไม่ได้ใช้แต่แรงจากข้อมือเหมือนชักเย่อทั่วไป แต่ต้องใช้แรงจากทุกส่วนของร่างกายในการดึง
หลังจากได้ยินเสียงกลองดังขึ้น 3 ครั้ง ผู้นำทีมสองฝ่ายก็จะให้สัญญาณเพื่อให้ทั้งสองทีมเริ่มแข่งขันชักเย่อ นาย เหงียนหงอกมาย ผู้ตัดสินจากแขวง แถกบ่าน เขตลองเบียนในกรุงฮานอยเผยว่า “ที่อื่น พวกเขาแข่งขันชักเย่อแบบยืน ทีมไหนแข็งแรงกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ ส่วนการแข่งขันชักเย่อนั่ง ทีมที่แข็งแรงน้อยกว่าก็สามารถเอาชนะทีมที่แข็งแรงกว่าได้ นี่คือกีฬาที่ต้องใช้ความร่วมแรงร่วมใจและความสามัคคี ผู้แข่งขันจะต้องสังเกตสัญญาณของผู้นำทีม เพราะเสียงเชียร์ที่ดังสนั่นทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงพูดของผู้นำทีมได้ บางทีเมื่อผมให้สัญญาณดึง พวกเขาก็ไม่ได้ยิน ซึ่งบางครั้งก็ต้องชูธงเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน”
สิ่งที่พิเศษคือในพิธีกรรมเล่นชักเย่อนั่ง ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันที่จริงจัง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็อยากให้ทีม หม่านเดื่อง ชนะ เพราะเมื่อก่อน หม่านเดื่องคือชุมชนหลักในการผลิตเกษตรของหมู่บ้านหงอกจี ชาวบ้านเชื่อว่า ถ้าหากหม่านเดื่องชนะก็หมายความว่า ฤดูเก็บเกี่ยวจะได้ผลดีและชาวบ้านมีสุขภาพแข็งแรง
ชาวบ้านแถกบ่านอนุรักษ์พิธีแข่งขันชักเย่อในหลายปีที่ผ่านมา ชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยความเต็มใจ ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวหรือมุ่งแต่จะเอาชนะอย่างเดียว นอกจากนั้น การแข่งขันชักเย่อก็เช่นเดียวกันพิธีกรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆของหมู่บ้านเพราะมีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันความสามัคคีและเสริมสร้างชุมชนให้มีความมั่นคง.