(VOVworld) - ปี 2013 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จของหน่วยงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์ทั้งการปลูกถ่ายตับ เซลล์ต้นกำเนิดและการผ่าตัดแยกแฝดติดกัน ซึ่งสร้างก้าวกระโดดต่อภารกิจการดูแลและรักษาโรคให้แก่ประชาชน
|
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด - ผลสำเร็จของหน่วยงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์
|
มีอยู่ช่วงหนึ่งในปี 2013 ชาวนครโฮจิมินห์และจังหวัดใกล้เคียงมีความวิตกกังวลเมื่อทราบข่าวเกี่ยวกับโรคแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มอายุ 18 ปีที่แขนขาค่อยๆเป็นอัมพาตและมีภาวะกล้ามเนื้อและกระดูกตายแต่ไม่ทราบสาเหตุและชื่อโรค แต่หลังการประชุมของทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเจอะไหร โรงพยาบาลมหาวิทยลัยการแพทย์และโรงพยาบาลโรคผิวหนังนครโฮจิมินห์รวมหลายครั้งก็ค้นพบสาเหตุของอาการป่วยและทำการรักษาได้สำเร็จ
ต่อจากนั้น แพทย์ของโรงพยาบาลเจอะไหร โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยการแพทย์นครโฮจิมินห์และศูนย์ปลูกถ่ายตับ ASAN ของสาธารณรัฐเกาหลีก็ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกของภาคใต้เวียดนามในการปลูกถ่ายตับให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายแห่งการพัฒนาของหน่วยงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์ นายแพทย์ฝ่ามหิวเถียนชี้ หัวหน้าแผนกตับ ถุงน้ำดีและตับอ่อนของโรงพยาบาลเจอะไหร ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำการปลูกถ่ายตับดังกล่าวได้อธิบายเกี่ยวกับความลำบากของการผ่าตัดครั้งนี้ว่า “เราต้องพิจารณาว่าจะต้องตัดตับออกเท่าไหร่เพื่อเพียงพอสำหรับทั้งผู้ป่วยและผู้ให้ นี่คือการตัดสินใจที่ยากและในครั้งนั้นเราได้ตัดออก 750 กรัมจากผู้ให้ซึ่งผลสำเร็จในการผ่าตัดนี้สูงกว่าที่เราคาดหวังไว้มาก”
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนและต้นเดือนธันวาคมปี2013 ชาวนครโฮจิมินห์ก็ตื่นเต้นติดตามการผ่าตัดแยกแฝดติดกันที่มีอายุ 14 เดือนเท่านั้นของโรงพยาบาลเด็กหมายเลขสอง ซึ่งร่างกายของแฝดติดกันบริเวณท้อง ทรวงอกและหัวใจและมีเด็ก 1 คนเป็นโรคปอดบวมและกระดูกสันหลังคดซึ่งทำให้การผ่าตัดมีความลำบากมาก อย่างไรก็ตามการประสานงานอย่างดีระหว่างแพทย์ของโรงพยาบาลเด็กหมายเลขสอง สถาบันวิจัยโรคหัวใจนครโฮจิมินห์และโรงพยาบาลศัลยกรรมกระดูกได้ช่วยให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จและเด็กรอดชีวิต นายแพทย์เจืองกวางดิ๋ง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กหมายเลขสองเผยว่า “
การผ่าตัดครั้งนี้ยากมาก ยากในทุกขั้นตอน ทั้งการวางยาสลบ การถ่ายเลือด การใส่ท่อช่วยหายใจ การผ่าตัดแยกตับและหัวใจ การเย็บปิดหน้าท้องและทรวงอกเพราะส่วนที่แฝดติดกันมีขนาดกว้างและเราก็ต้องปลูกถ่ายหนังอีกด้วย”
เด็กแฝดหลังการผ่าตัดแยกตัว
|
ในด้านสาธารณสุขที่ใช้เทคนิคขั้นสูง ทางนครโฮจิมินห์ได้ประสบผลสำเร็จที่น่าประทับใจจากการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดของโรงพยาบาลโลหิตศาสตร์และการให้เลือดเมื่อปี 1995 และจนถึงขณะนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ได้ทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดมากที่สุดของเวียดนาม ซึ่งมีทั้งการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากเม็ดเลือด ไขกระดูกและสายสะดือ ตลอดจนการจัดตั้งธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดปี 2013 โรงพยาบาลได้ใช้เทคนิคที่ทันสมัยที่สุดคือ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากเม็ดเลือดแบบ HLA (โดยผู้ป่วยจะต้องมีผู้ให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกับผู้ป่วย) ซึ่งช่วยรักษาโรคทางพันธุกรรมและโรคร้ายแรงต่างๆเนื่องจากสามารถขยายขอบเขตผู้ให้เซลล์ได้เพิ่มมากขึ้น นายแพทย์ฝู่ชี้หยุง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโลหิตศาสตร์และการให้เลือดนครโฮจิมินห์เผยว่า“โรงพยาบาลต่างๆในนครโฮจิมินห์ได้ทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากเม็ดเลือดมากที่สุดในประเทศ คือ 140 เคส และฝีมือของแพทย์เวียดนามก็ไม่แพ้แพทย์ในต่างประเทศ ซึ่งสามารถทำหัตถการที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดแบบ HLA แม้เราได้ปลูกถ่ายแค่ 3 เคสเท่านั้นแต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า การปลูกถ่ายของเราพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น”
อาจกล่าวได้ว่า ผลสำเร็จของหน่วยงานสาธารณสุขในปี 2013 คือผลสำเร็จของการปฏิบัติยุทธศาสตร์ “การพัฒนาระบบสาธารณสุขอย่างพร้อมเพรียงและยั่งยืน”ของนครโฮจิมินห์ ดร.เหงียนเติ๊นบิ่งห์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์ยืนยันว่า “หน่วยงานสาธารณสุขได้วางแผนการและแนวทางการพัฒนาอย่างพร้อมเพรียง รวดเร็วและยั่งยืน โดยทำการลงทุนเน้นเป้าหมาย ฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีทักษะความสามารถสูงและซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ พร้อมทั้งเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศในการฝึกอบรม วิจัยวิทยาศาสตร์และถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัย”
นอกจากการพัฒนาและการประสบผลสำเร็จต่างๆ หน่วยงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์ยังให้ความสนใจต่อการแก้ปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาลโดยจัดตั้งคลีนิกสาขารวม 48 แห่งในโรงพยาบาลระดับท้องถิ่น 12 แห่ง และคลีนิกครอบครัว 10 แห่งในเขตและแขวงต่างๆ ในช่วงย่างเข้าสู่ปี 2014 ผลสำเร็จในปี 2013 ของหน่วยงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์ได้มีส่วนร่วมสร้างภาพลักษณ์ของหน่วยงานสาธารณสุขเวียดนามที่มีการพัฒนาและและผสมผสานเข้ากับการพัฒนาของการแพทย์โลก./.