ประธานโฮจิมินห์: สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและมิตรภาพ

Chia sẻ

(VOVWORLD) -ประธานโฮจิมินห์ ผู้นำอันเป็นที่รักของประเทศเวียดนาม เป็นแบบอย่างที่ดีงามแห่งความเมตตาและความรักใคร่ต่อผู้คน ซึ่งท่านได้ส่งเสริมอุดมการณ์แห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความสามัคคีในหมู่ประชาชาติ โดยถือสันติภาพเป็นผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติและการรักษาสันติภาพของโลกคือการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ

 
 
ประธานโฮจิมินห์: สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและมิตรภาพ - ảnh 1

ประธานโฮจิมินห์ให้การต้อนรับคณะผู้แทนขบวนการสันติภาพฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 15 มีนาคม

ปี 1955(Photo:TTXVN)

บทเพลง The Ballad of Ho Chi Minh ประพันธ์โดยนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ Ewan MacColl เมื่อปี 1954 ได้มีการเผยแพร่อย่างรวดเร็วในกลุ่มประเทศที่ใฝ่สันติภาพ ด้วยเนื้อเพลงที่เข้าใจและจดจำได้ง่าย และสามารถเข้าถึงใจผู้คน เปรียบเหมือนเรื่องเล่าชีวิตของประธานโฮจิมินห์ตั้งแต่วันแรกๆ ที่ออกเดินทางแสวงหาหนทางกู้ชาติ โดยบทเพลงนี้เคยได้รับการแสดงหลายครั้งในงานราตรีร้องเพลงต่อต้านสงครามที่กรุงฮาวานาของคิวบาเมื่อปี 1967 พร้อมทั้งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษาและขับร้องในหลายประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประธานโฮจิมินห์เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและสันติภาพในหัวใจของประชาคมโลก

ด้วยความเคารพและความรักใคร่ของท่าน ประธานโฮจิมินห์เป็นผู้นำและคุณลุงผู้เป็นที่รักของชาวอินเดีย

ผมได้รู้จักประธานโฮจิมินห์ก่อนที่เดินทางมาเวียดนามเพื่อเรียนภาษาเวียดนาม ท่านเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แต่มีความเรียบง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านส่งเสริมจิตใจแห่งความสามัคคีและการใฝ่สันติภาพอยู่เสมอ ซึ่งเหมือนกับนักเรียนลาวหลายๆ คน ผมก็เคารพและชื่นชมประธานโฮจิมินห์เป็นอย่างสูง

ประชาชนผู้ใฝ่สันติภาพในโลกได้ให้ความเคารพรักต่อประธานโฮจิมินห์ เนื่องจากท่านได้ส่องแสงนำทางด้วยอุดมการณ์แห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาร่วมกันในหมู่ประชาชาติอยู่เสมอ

ประธานโฮจิมินห์: สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและมิตรภาพ - ảnh 2นาง เล ถิ ทู หั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม(Photo: VOV)

จากมุมมองของบรรดานักวิจัย สำหรับประธานโฮจิมินห์ สันติภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะที่สงครามเป็นเพียงทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น โดยในช่วงปี 50 ของศตวรรษที่แล้ว ประธานโฮจิมินห์ได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลและประชาชนฝรั่งเศสหลายครั้ง รวมถึงรัฐบาล กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และประชาชนของประเทศต่างๆ เพื่อประท้วงต่อต้านสงครามของรัฐบาลฝรั่งเศสในเวียดนาม พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพ นอกจากนี้ ประธานโฮจิมินห์ยังได้รับคำเชิญให้ไปเยือนประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1946 โดยมีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและการพบปะกับบรรดารัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ทหารฝรั่งเศสนับหลายสิบรอบ เมื่อเข้าชมเขตโบราณสถาน Normandie ประธานโฮจิมินห์ได้เอาฝ่ามือปิดกระบอกปืนใหญ่ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แสดงจิตใจแห่งการรักษาสันติภาพและยุติสงคราม ส่วนในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว Bernard Dranber ของสำนักข่าว ปารีส – ไซ่ง่อน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1946 ประธานโฮจิมินห์ได้ยืนยันว่า “ชาวเวียดนามและผมต้องการความสงบสุขอย่างจริงใจ พวกเราไม่ต้องการสงคราม ผมรู้ว่า ชาวฝรั่งเศสก็ไม่ต้องการทำสงครามเช่นกัน สำหรับสงครามครั้งนี้ พวกเราอยากจะหลีกเลี่ยงโดยทุกวิถีทาง” ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ หว่างจีบ๋าว ผู้ที่อุทิศทั้งชีวิตต่อการศึกษาปรัชญาชีวิตของประธานโฮจิมินห์ ได้วิเคราะห์ว่า

“ในแนวคิดทางการทูตของประธานโฮจิมินห์ ท่านมักจะมีการแยกแยะระหว่างเพื่อนมิตรกับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ เมื่อกองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าเวียดนาม ก็ต้องต่อสู้เพื่อเอาชัยชนะ ในขณะที่ชาวฝรั่งเศส ประเทศฝรั่งเศส และอารยธรรมของฝรั่งเศสนั้น ได้รับความเคารพอย่างสูงจากประธานโฮจิมินห์ โดยถือเป็นคุณค่าอันดีเลิศของมวลมนุษยชาติ ในกลุ่มเพื่อนมิตรชาวฝรั่งเศสของตน รวมถึงผู้ที่มีความเห็นต่าง ท่านก็ยังหาจุดที่เหมือนกับพวกเขาจนเจอ”

สำหรับประธานโฮจิมินห์ เสรีภาพให้แก่ประชาชนเวียดนามคือเสรีภาพให้แก่ประชาชนทั่วโลก การปลดปล่อยประเทศชาติคือเพื่อปลดปล่อยมนุษยชาติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แสดงความเห็นว่า

แนวคิดของประธานโฮจิมินห์เป็นคุณค่าทั้งในเชิงปฏิบัติและทฤษฎี ไม่เพียงแค่มีคุณค่าทางอุดมการณ์เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญระดับโลกและเหนือกาลเวลาอีกด้วย ซึ่งคุณค่าเหล่านั้นยังคงมีความหมายที่ลึกซึ้งและเป็นรูปธรรม ถือเป็นคุณธรรมอันรุ่งโรจน์และสูงส่งอย่างยิ่ง เป็นแนวคิดอันก้าวหน้าที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติยังคงรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้

ไม่เพียงแค่การใฝ่ฝันสันติภาพเท่านั้น หากประธานโฮจิมินห์ยังคงส่งเสริมและยกย่องจิตใจแห่งสัมพันธไมตรีและความสามัคคีกับประเทศอื่นๆ  ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวชาวอินเดียเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1947 ประธานโฮจิมินห์ได้ยืนยันว่า “ทัศนคติของเวียดนามต่อบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชียคือทัศนคติฉันท์พี่น้อง กับ 5 ประเทศมหาอำนาจคือฉันท์เพื่อนมิตร” และ “นโยบายการต่างประเทศคือการเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านทุกคน” ดังนั้น ท่านได้สร้างความประทับใจอันลึกซึ้งต่อผู้คนในท้องถิ่นที่ท่านเดินทางไปถึง  นาย Chintamani Mahapatra อธิการบดีมหาวิทยาลัย Jawanari Neru ของอินเดีย เผยว่า

“เมื่อประธานโฮจิมินห์ไปเยือนอินเดีย ท่านได้เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม และฟาร์มเกษตร ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหน ผู้นำและชาวอินเดียต่างให้การต้อนรับท่านด้วยความรักอันอบอุ่นและจริงใจที่สุด ไม่ยากที่จะสามารถรับรู้ถึงอิทธิพลของประธานโฮจิมินห์ โดยท่านเป็นเพื่อนที่ดีของประเทศอินเดีย”

ทั้งนี้ สำหรับกว่า 50 ประเทศที่ได้เดินทางไปเยือน ประธานโฮจิมินห์ได้สร้างความสัมพันธ์มิตรภาพและสันติภาพ ด้วยภาพลักษณ์ของท่านที่ปรากฏในทุกหนแห่ง ทั้งการสร้างอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานมากมายหลายแห่ง ถนนและทางหลวงหลายสิบเส้น รวมถึงโรงเรียนหลายแห่งทั่วโลกที่มีการตั้งชื่อตามชื่อของประธานโฮจิมินห์ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของประเทศเวียดนามได้สร้างสิ่งที่มีค่าอันเป็นนิรันดร์ไว้ในใจของผู้คนทั่วโลกซึ่งนั่นคือสันติภาพและมิตรภาพ.

คำติชม