ประชาชนอำเภอหงอกเหียนปกป้องป่าโกงกางเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
|
จากเมืองก่าเมาเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 1A ก็จะถึงตำบลเดิ๊ดหมุย อำเภอหงอกเหียน ทางใต้สุดของเวียดนาม เราสามารถเห็นป่าโกงกางและป่าแสมทะเลที่อุดมสมบูรณ์สองข้างทาง ซึ่งประชาชนใช้พื้นที่ป่าส่วนใหญ่เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เขตท่องเที่ยวชุมชนหว่างเหิน หมู่บ้านหมุย ตำบลเดิ๊ดหมุยได้เชื่อมโยงกับประชาชนที่มีพื้นที่ป่าเพื่อให้นักท่องเที่ยวปลูกต้นโกงกางและต้นแสมทะเลเองแล้วติดป้ายชื่อของตน ทุกๆเดือน เจ้าหน้าที่ของเขตท่องเที่ยวชุมชนหว่างเหินจะถ่ายภาพการพัฒนาของต้นไม้นี้แล้วส่งให้ลูกค้าดู นายเหงวียนจุงเกียน ผู้บริหารการใช้ประโยชน์ผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวปลูกป่าในเขตท่องเที่ยวหว่างเหิน ได้เผยว่า
“ชาวท้องถิ่นที่มีพื้นที่ป่าจะเชื่อมโยงเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว ชาวบ้านทุกคนต่างทำการท่องเที่ยว พวกเราให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวแบบชุมชนและทำการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างฐานะและยกระดับชีวิตของประชาชนเดิ๊ดหมุยและการท่องเที่ยวมากขึ้น”
นาย เหงวียนมิงดัว หนึ่งในครอบครัวที่ทำการท่องเที่ยวแบบชุมชน ได้เผยว่า
“ครอบครัวที่ทำการท่องเที่ยวแบบชุมชนดีใจมากเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเพราะนักท่องเที่ยวชอบสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ป่าไม้สร้างคุณค่าสูงให้แก่ครอบครัวที่ทำการท่องเที่ยว”
นอกจากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแล้ว รูปแบบการเลี้ยงกุ้งได้ช่วยเพิ่มรายได้และช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับคุณค่าของการปกป้องป่า อำเภอหงอกเหียนมีพื้นที่เลี้ยงกุ้งในป่า 2 หมื่น 1 พันเฮกตาร์ในจำนวนทั้งหมด 5 หมื่น 7 พันเฮกตาร์ได้รับการรับรองความสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากองค์การระหว่างประเทศต่างๆ นาย เจิ่นหว่างหลาก ประธานคณะกรรมการประชาชนอำเภอหงอกเหียน ได้เผยว่า
“เพื่อให้การเลี้ยงกุ้งในป่ามีผลผลิตและมีคุณภาพสูง ทางอำเภอฯได้ชี้นำให้จัดทำคู่มือแนะนำให้เกษตรกรปฏิบัติตามกระบวนการเลี้ยงกุ้งและเปิดการฝึกอบรมการเลี้ยงกุ้งให้แก่เกษตรกรในท้องถิ่น มีบางที เกษตรกรสามารถจับกุ้งได้นับร้อยกิโลกรัม”
อำเภอหงอกเหียนมีพื้นที่เลี้ยงกุ้งในป่า 2 หมื่น 1 พันเฮกตาร์ในจำนวนทั้งหมด 5 หมื่น 7 พันเฮกตาร์ได้รับการรับรองความสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม |
ถ้าหากประชาชนในตำบลเดิ๊ดหมุยพึ่งพาป่าโกงกางและป่าแสมทะเลและผลิตภัณฑ์เฉาะถิ่น เช่น ปูก่าเมาและกุ้งแห้งแหรกก๊ก เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว ประชาชนในป่าอูมิงหะได้พัฒนาอาชีพเลี้ยงผึ้งและเลี้ยงปลาในป่าเสม็ด นาย ฝ่ามยวีแคง เจ้าของเขตท่องเที่ยวชุมชนเหมื่อยหงอด ตำบลแค้งบิ่งเตยบั๊ก อำเภอเจิ่นวันเถ่ย เผยว่า
“เขตท่องเที่ยวชุมชนเหมื่อยหงอดเป็นที่รู้จักแพร่หลายด้วยอาชีพเลี้ยงผึ้ง มาที่นี่ นักท่องเที่ยวจะลองเก็บน้ำผึ้งและรู้สึกดีใจมาก ซึ่งทุกคนรู้จักอาชีพนี้มากขึ้น”
จังหวัดก่าเมาปลูกต้นอาเคเชียในป่าอูมิงหะ ซึ่งการปลูกต้นอาเคเชียสร้างมูลค่าสูงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการปลูกต้นเสม็ด ดังนั้น รูปแบบการปลูกต้นอาเคเชียได้รับการขยายและปัจจุบัน เขตอูมิงหะมีพื้นที่การปลูกต้นอาเคเชีย 3 หมื่นเฮกตาร์ นาย เหงวียนวันแต๋น ตำบลเจิ่นเหย อำเภอเจิ่นวันเถ่ยได้เผยว่า จังหวัดก่าเมายังเน้นพัฒนาตลาดคาร์บอนเพื่อช่วยให้ผู้ปลูกป่ามีรายได้เพิ่มขึ้น นาย เจิ่นวันทึก รองผู้อำนวยการสำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดก่าเมา ได้เผยว่า
“การดูดซับคาร์บอนในป่าชายเลนสูงกว่า 3 - 4 เท่าเมื่อเทียบกับป่าประเภทอื่นๆ ดังนั้น คาร์บอนเครดิตจากป่าของท้องถิ่นจะอยู่ในระดับสูง องค์การ สถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศได้มาศึกษาตลาดคาร์บอน จังหวัดก่าเมาได้อนุญาตให้ทำการวิจัย ซึ่งเมื่อรัฐบาลจัดทำกรอบทางนิตินัยก็จะมีโอกาสปฏิบัติ”
จังหวัดก่าเมาได้ปกป้องและพัฒนาป่าจากการปฏิบัติมาตรการอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะการพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจในป่าได้มีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนและพัฒนาเศรษฐกิจป่าอย่างยั่งยืน.