เด็กชาย เหงวียนหว่างบ๋าว อายุ 9 ขวบจากจังหวัดเลิมด่ง กำลังตั้งใจเรียนและอ่านตามที่ครูสอนอย่างเสียงดังฟังชัด |
ทุกๆวัน บรรยากาศในชั้นเรียนสอนภาษาอังกฤษในแผนกโรคไตและระบบต่อมไร้ท่อของโรงพยาบาลเด็กหมายเลข 1 นครโฮจิมินห์เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน โดยครู 3 คนกำลังสอนเด็กๆเขียนตัวอักษร แม้กำลังให้ยาทางหลอดเลือดแต่ผู้ป่วยที่เป็นเด็กยังคงตั้งใจฟังครูสอนและพูดคุยกับเพื่อน เด็กชาย เหงวียนหว่างบ๋าว อายุ 9 ขวบจากจังหวัดเลิมด่งที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบปีการศึกษา กำลังตั้งใจเรียนและอ่านตามที่ครูสอนอย่างเสียงดังฟังชัด ซึ่งการเข้าร่วมชั้นเรียนนี้ช่วยให้ เด็กชาย บ๋าวคลายความคิดถึงโรงเรียนและเพื่อน ๆ
“เมื่อเข้าร่วมชั้นเรียนนี้ ผมรู้สึกดีใจมาก ผมและเพื่อนๆพูดคุยอย่างสนุกสนาน เรียนและเล่นด้วยกัน ผมมีเพื่อนๆใหม่”
ส่วนคุณ ดิงถิอุ๊ดเบ๋ จากจังหวัดบากเลียวเผยว่า ลูกของเธอป่วยเปนโรคลำไส้เรื้อรังและกำลังต้องรักษาที่แผนกระบบทางเดินอาหาร มีบางครั้งต้องรักษาเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งทำให้ต้องหยุดเรียน แม้อายุ 10 ขวบแล้ว แต่ลูกของนางเบ๋ก็เพิ่งเรียนชั้น ป.2 เท่านั้น นางเบ๋กังวลเป็นอย่างมากเนื่องจากลูกมีพัฒนาการช้าและเข้ากับคนอื่นได้ยาก นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เมื่อเข้าร่วมชั้นเรียนแห่งความสุขในโรงพยาบาลตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันวันศุกร์ เด็กชายจี๊ ลูกชายของนางเบ๋ มีความสุขมากขึ้น
“เมื่อเข้าร่วมชั้นเรียนนี้ ลูกของดิฉันสามารถเต้นรำได้ เมื่อก่อนนี้ เขาเป็นคนขี้อายไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ เมื่อเห็นลูกมีการเปลี่ยนแปลง ดิฉันดีใจเป็นอย่างมาก”
แม้กำลังให้ยาทางหลอดเลือดแต่ผู้ป่วยที่เป็นเด็กยังคงตั้งใจฟังครูสอนและพูดคุยกับเพื่อน |
นาย จูวันแถ่ง รองหัวหน้าฝ่ายงานด้านสังคมของโรงพยาบาลเด็กหมายเลข 1เผยว่า เมื่อก่อนนี้ ทางโรงพยาบาลได้จัดกิจกรรมต่างๆเพื่อดูแลผู้ป่วยที่ยากจนและดูแลจิตใจให้แก่ผู้ป่วยที่เป็นเด็ก เช่น การจัดงานวันคล้ายวันเกิด งานตรุษเต๊ต เป็นต้น โดยเฉพาะการเปิดชั้นเรียนแห่งความสุข ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นเด็กมีความสุขมากขึ้น ในช่วงแรก เจ้าหน้าที่ของฝ่ายงานด้านสังคมเป็นผู้สอนแต่ปัจจุบันครูสอนภาษาอังกฤษได้อาสามาสอนให้แก่เด็กๆ ส่วนชั้นเรียนในแผนกมะเร็งวิทยา มีเด็กเข้าร่วม 20-25 คน จนถึงขณะนี้ ชั้นเรียนแห่งความสุขที่จัดโดยสโมสร “ลายมือสวยๆ”และโรงพยาบาลถูกจัดขึ้นได้ 8 ปีแล้ว เด็กทุกวัยจะได้เรียนวิชาต่าง ๆ ตามความสามารถ เด็กที่มีอายุน้อยจะวาดภาพ ส่วนเด็กที่โตกว่าจะเรียนตัวอักษรเพื่อเตรียมไปโรงเรียน นอกจากการเรียนหนังสือแล้ว ผู้ป่วยเด็กยังได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เรียนการวาดภาพและการร้องเพลง คุณเลถิมาย หัวหน้าสโมสร “ลายมือสวยๆ”เผยว่า ชั้นเรียนไม่เพียงแต่เป็นที่พึ่งทางจิตใจให้แก่ผู้ป่วยเด็กเท่านั้นหากยังช่วยให้พวกเขามีเป้าหมาย ส่วนผู้ที่เป็นอาสาสมัครก็เข้าใจถึงคุณค่าชีวิตที่งดงาม
“คำตอบของเด็กๆเป็นความทรงจำที่ดิฉันไม่สามารถลืมเลือนได้ ดิฉันจะจดจำใบหน้าและสายตาของเด็กๆ ซึ่งพวกเราจะพยายามากขึ้นเพื่อสอนให้แก่เด็กๆ”
ในเวลาที่จะถึง สโมสร “ลายมือสวยๆ”จะเปิด“โครงการอนาคตแห่งสีเขียว”สำหรับผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคมะเร็งเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถทำตามความฝัน หลังจากที่เด็กรู้ว่า ตนชอบงานทำอะไรและเหมาะสมกับงานทำใดเพื่อปรับตัวและมีส่วนร่วมทำประโยชน์เพื่อชุมชนและสังคม.