มีผู้เรียนบางคนเป็นผู้สูงอายุ |
ในตลอดกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ทุกค่ำตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เราจะได้ยินเสียงฝึกอ่านสะกดคำของชั้นเรียนแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือที่โรงเรียนประถมศึกษาเจิ่นฟู้ ตำบลอีอาดอม อำเภอดึ๊กเกอ ในห้องเรียน มีผู้เรียนเกือบ 40 คนหลากหลายวัยซึ่งทุกคนเป็นชนกลุ่มน้อยที่มาจากหมู่บ้านต่างๆ ในตำบลฯ
ผู้เรียนที่มีอายุมากที่สุดคือนาง ซิว เฮอแฟม จากหมู่บ้านมอกแดน อายุ 54 ปี เธอบอกว่า การที่อายุมากทำให้การเรียนยาก แต่เธอยังพยายามไปโรงเรียนทุกวันและถึงขณะนี้ ก็สามารถอ่านออกและเขียนชื่อตัวเองได้
“เมื่อ 30 ปีก่อน ฉันเคยเรียนหนังสือแต่ก็ต้องหยุดเพื่อแต่งงานและคลอดลูก ชีวิตลำบากมากทำให้ดิฉันไม่ได้ไปโรงเรียนอีกและกลายเป็นคนไม่รู้หนังสือ ปัจจุบัน มีชั้นเรียนนี้และได้รับกำลังใจจากครูอาจารย์ ฉันก็ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้อ่านออกเขียนได้”
นาง เรอมาด เฮอเว้ย จากหมู่บ้านมอกแดน 1 ที่กำลังสายลูกน้อย 5 ขวบไว้บนหลัง กำลังตั้งใจฟังคุณครูสอน ปัจจุบันเธออายุ 26 ปี มีบุตร 3 คน ชีวิตลำบากมากแต่การเรียนหนังสือถือเป็นโอกาสที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากความยากจน ดังนั้น ถึงแม้บ้านจะอยู่ไกลจากโรงเรียนเกือบ 10 ก.ม. แต่เธอก็มาเรียนทุกค่ำ
“ฉันอยากไปเรียนหนังสือเพื่อสามารถอ่านออกและเขียนชื่อได้ การที่รัฐเปิดชั้นเรียนนี้ให้แก่พวกเราเป็นเรื่องที่ดีมาก ส่วนครูอาจารย์ก็ดีใจและกระตือรือร้นมาก ฉันตั้งใจเรียนเพื่อสามารถสอนต่อให้ลูกๆ และช่วยเหลือคนอื่น”
คุณครู เจืองถิกุ๊ก เผยว่า สำหรับนักเรียนพิเศษเหล่านี้ที่คุ้นเคยแต่เรื่องการทำนาทำไร่เท่านั้น การเรียนหนังสือถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ต้องการความอดทนในการสอนพวกเขา
“ดีมากที่ทุกคนอยากเรียนและมีความขยันหมั่นเพียร เมื่อครูสอน พวกเขาก็ตั้งใจเรียน ผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่ยากจน การสอนก็ต้องแบ่งตามกลุ่มให้เหมาะสม ครูอาจารย์ต้องทำงานหนักขึ้น”
ผู้เรียนแต่ละคนต่างพยายามฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ |
คุณครู ฟานถิเติม ซึ่งมีประสบการณ์หลายปีในการแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือกล่าวว่า นอกจากเรื่องวิธีการสอนแล้ว การทำให้ชาวบ้านมาเรียนอย่างสม่ำเสมอก็ถือเป็นเรื่องที่ยาก โดยบางที ครูต้องเดินทางไปถึงที่บ้านของผู้เรียนเพื่อโน้มน้าวให้ไปโรงเรียน
“ถึงเทอม 2 ผู้เรียนส่วนใหญ่ที่พออ่านออกเขียนได้ก็อยากเลิกทำไร่ทำนา บางคนไปหางานทำในต่างจังหวัด จึงทำให้จำนวนผู้เรียนในชั้นเรียนลดลง ดังนั้น การโน้มน้าวให้พวกเขามาเรียนอีกจึงทำได้ยากมาก ส่วนบางคนก็ไม่มีเงินเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซด์เพื่อไปโรงเรียน ซึ่งบรรดาครูก็ช่วยกันแก้ไขอุปสรรคเพื่อให้พวกเขาได้ไปโรงเรียน”
ในการปฏิบัติโครงการแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือระยะปี 2021 – 2025 อำเภอดึ๊กเกอ ได้เปิดชั้นเรียน 20 ชั้นเรียนเพื่อสอนให้แก่ผู้เรียนกว่า 600 คน พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการชี้นำการแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือในท้องถิ่นและมอบหมายหน้าที่ให้แก่สมาชิกในแต่ละท้องถิ่นทำการตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้ที่ไม่รู้หนังสือ นาย ซิว ลวิง รองประธานคณะกรรมการประชาชนอำเภอดึ๊กเกอ เผยว่า
“เมื่อชาวบ้านอ่านออกเขียนได้ การประชาสัมพันธ์ก็ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการปกป้องสิทธิผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของพวกเขาเอง ถ้าหากชาวบ้านผู้สูงอายุสามารถอ่านออกเขียนได้ ครอบครัวนั้นจะมีความสุขมากและสมาชิกในครอบครัวทุกคนจะหันมาสนใจเรียนหนังสือ ส่วนทางเราก็สามารถเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ให้แก่พวกเขาได้ง่ายขึ้น เช่น การแนะนำโครงการต่างๆ เพื่อช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น”
ทุกค่ำ แสงไฟยังคงสว่างในห้องเรียนต่างๆ ความฝันและความเชื่อมั่นในชีวิตที่ดีขึ้นของชาวบ้านชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ในเขตชายแดนดึ๊กเกอ จังหวัดยาลายยังคงได้รับการจุดประกายต่อไป.