(VOVworld) – นานมาแล้ว Đèn kéo quânหรือโคมไฟหมุนหลากหลายรูปแบบ สีฉูดฉาดและประณีตสวยงามเป็นของเล่นพื้นบ้านที่ไม่อาจขาดได้สำหรับเด็กเวียดนามเมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์เวียนมาทุกครั้ง เมื่อกล่าวถึงของเล่นพื้นบ้านชนิดนี้ก็ต้องกล่าวถึงช่างศิลป์ที่มีความรักอาชีพและมีความตั้งใจที่จะอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาติ
|
โคมไฟขนาดยักษ์กับเด็กฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ เม่อปี๒๐๐๖ |
หมู่บ้านด่านเวียน ตำบลกาวเวียน อำเภอแทงอวย กรุงฮานอย เป็นหมู่บ้านทำของเล่นพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง ท่ามกลางกระแสการพัฒนาสังคมที่ทันสมัยปัจจุบัน เด็กๆก็มีโอกาสเลือกของเล่นที่ทำจากพลาสติกหรือวัสดุอื่นๆมากมายหลายอย่างแทนของเล่นที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ดี ที่หมู่บ้านด่านเวียนยังมีช่างศิลป์ที่หลงไหลกับการทำโคมไฟหมุนในโอกาสเทศกาลไหว้พระจันทร์นั่นคือครอบครัวนายเหงียนเกวี่ยนและนายหวูวันซิงโดยนายเหงียนเกวี่ยนเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ยังคงอนุรักษ์อาชีพทำโคมไฟและในช่วงใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์ทุกปี ทั้งครอบครัวเขายุ่งกับการทำĐèn kéo quânหรือโคมไฟหมุน เมื่อจุดเทียนข้างในโคมไฟจะหมุนเองและทำให้ภาพเคลื่อนไหวดุจกำลังเล่าเรื่องราวต่างๆ
การทำให้โคมไฟหมุนและสร้างลวดลายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะต้องการฝีมือ ความปราณีตและความคิดสร้างสรรค์ นายเหงวียนเกวี่ยนกล่าวว่า “โคมไฟหมุนของพวกเราทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ไม้รวกและกระดาษ ไม่ใช้พลาสติก ความร้อนจากเทียนไม่ใช่ไฟฟ้า ตอนแรกต้องคัดเลือกไม้ไผ่ และไม้รวกเพื่อทำซี่สร้างโครง เมื่อทำโครงเสร็จจะติดกระดาษ และวางแกนแนวตั้ง ๖อันด้านนอกติดกระดาษแก้ว ส่วนแกนติดกระดาษที่มีภาพชาวนา ควาย ทิวทัศน์ชนบทหรือภาพพื้นบ้านดงโห่ เป็นต้น” ที่ยากที่สุดคือการทำแกน แกนต้องลื่นและภาพต้องเบา เมื่อจุดเทียน ไฟจะทำให้อากาศภายในโคมร้อนขึ้นและเกิดการถ่ายเทอากาศกับภายนอกทำให้เกิดลมเบาๆที่สามารถหมุนโคมไฟได้
|
นายเหงวียนเกวี่ยนกำลังทำแกน |
ก็เหมือนนายเหงวียนเกี่ยน นายหวูวันซิงมีความหลงไหลกับอาชีพทำโคมไฟหมุนเนื่องจากเขาเกิดและเติบโตในครอบครัวที่มีเกียรติประวัติการทำของเล่นพื้นบ้านอย่างเช่นโคมไฟ ภาพของโคมไฟได้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขาตั้งแต่ยังเล็ก เขาพยายามอนุรักษ์อาชีพทำโคมไฟเพื่อให้บุตรหลานคิดถึงรากเหง้า เมื่อปี๒๐๐๖ เขาได้ทำโคมไฟขนาดยักษ์สูง๗เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง๓.๒เมตร และในคอลั่ม“เรื่องที่แปลกในเวียดนาม” โคมไฟนี้ก็ได้ถูกระบุในกินเนสบุคเวียดนาม นายหวูวันซิงเผยว่า “ผมสืบทอดอาชีพทำโคมไฟหมุนจากพ่อแม่ จากความรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อปี๒๐๐๖ ผมได้ทำโคมไฟหมุนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามโดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ไม่ให้อาชีพนี้สูญหาย” เมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์เวียนมาทุกครั้ง นายหวูวันซิงก็สอนให้บุตรหลานและเยาวชนในหมู่บ้านทำโคมไฟ เด็กๆตั้งใจฟังเขาสอนวิธีการทำ ฝึกทำ แล้วช่วยกันทำ ในหมู่บ้านเยาวชนทุกคนต่างรู้จักทำโคมไฟหมุน นายหวูวันซิงเผยต่อไปว่า“โคมไฟหมุนเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของเวียดนาม ผมได้สอนทำโคมไฟฟรี เพราะยิ่งมีคนรู้จักทำโคมไฟมากก็ยิ่งดี ผมอยากอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาติ”
|
เมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์เวียนมาทุกครั้ง บ้านของเขาจึงเต็มไปด้วยโคมไฟหมุน
|
นายหวูวันต้วน บุตรชายคนเดียวของนายหวูวันซิงก็ได้สืบทอดอาซีพทำโคมไฟหมุน ทุกคนในครอบครัวเขาต่างก็ทำโคมไฟเป็น ดังนั้น เมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์เวียนมาทุกครั้ง บ้านของเขาจึงเต็มไปด้วยโคมไฟหมุนที่หลากสี เขากล่าวว่า“อาชีพนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ ทุกปีผมยังคงทำโคมไฟให้เด็กๆ ผมรักอาชีพนี้และมีความประสงค์ที่จะอนุรักษ์ไม่ให้อาชีพนี้สูญหายไป ” ผ่านความผันผวนของประวัติศาสตร์ทั้งยุครุ่งเรืองและเสื่อมถอย โคมไฟหมุนแบบพื้นบ้านยังคงปรากฎให้เห็นและเป็นสัญลักษณ์แห่งเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของคนเวียดนาม ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวง แสงระยิบระยับแพรวพราวจากโคมไฟได้นำความสุขสนุกสนานมาให้แก่เด็กๆในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ./.