Nho Que - แถบผ้าไหมสีเขียวบนที่ราบสูงหินด่งวัน

Chia sẻ

(VOVWORLD) - อำเภอแหม่วหวาก(Meo Vac) เป็น1ใน 4 อำเภอของจังหวัดห่ายาง (Ha Giang) ที่อยู่ในเขตอุทยานธรณีวิทยาโลกที่ราบสูงหินด่งวัน(Dong Van) ซึ่งไม่เพียงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ เท่านั้น ที่นี่ยังมีภูมิทัศน์ธรรมชาติที่งดงามด้วยภูเขาหินปูนที่สูงตระหง่านและแม่น้ำญอเกว้(Nho Que)ที่เป็นเหมือนแพรไหมสีเขียวโอบล้อมช่องเขาม้าปีแหล่ง (Ma Pi Leng) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ช่องเขาสูงชันที่เลื่องลือแห่งภาคเหนือเวียดนาม สำหรับวันนี้เราจะพาท่านทั้งหลายไปสัมผัสประสบการณ์ที่น่าสนใจด้วยการล่องเรือชมทัศนียภาพบนแม่น้ำที่สุดงดงามสายนี้ 

Nho Que - แถบผ้าไหมสีเขียวบนที่ราบสูงหินด่งวัน - ảnh 1ภาพแม่น้ำญอเกว้จากมุมสูง
 

แม่น้ำญอเกว้มีต้นน้ำจากภูเขาในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีระยะทางเกือบ 200 กม. โดยส่วนที่ไหลเข้าสู่เวียดนามมีระยะทางเกือบ 50 กม. เมื่อเข้าสู่ประเทศเวียดนาม แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านสองจังหวัดคือห่ายางและกาวบั่ง เริ่มต้นจากหมู่บ้านแซ้วหลุง (Xeo Lung) ตำบลหลุงกู๊ (Lung Cu) อำเภอด่งวัน(Dong Van) ผ่านหุบเขาตูสาน(Tu San) ไปยังอำเภอแหม่วหวาก(Meo Vac) สายน้ำไหลผ่านหน้าผาสูงชัน ผ่านหุบเขามาโอบล้อมช่องเขาม้าปีแหล่ง สร้างภาพธรรมชาติที่งดงามน่าทึ่งจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจของจังหวัดห่ายาง

เมื่อเดินทางบนช่องเขาม้าปีแหล่งที่คดเคี้ยวหวาดเสียวก็จะเห็นสายน้ำญอเกว้เขียวมรกตที่ปรากฏขึ้นอยู่ด้านล่างกลางป่าเขาที่สลับซับซ้อนเหมือนกับเส้นด้ายสีเขียวที่ต้องแสงแดดสะท้อนแสงระยิบระยับทอดยาวลงมาจากท้องฟ้า สิ่งที่พิเศษของแม่น้ำญอเกว้คือแม้จะไหลลัดเลาะท่ามกลางขุนเขาหินสูงตระหง่าน แต่แม่น้ำญอเกว้กลับมีความเงียบสงบไม่มีคลื่นแรง Pham Duy Nhuan นักท่องเที่ยวชาว นิงบิ่งห์ กล่าวว่า "ผมได้ชมความงดงามของแม่น้ำสายนี้จากที่สูง ซึ่งดูเหมือนแถบผ้าเขียวที่น่าทึ่งมาก เมื่อลงไปด้านล่างสัมผัสกับผิวน้ำก็รู้สึกประทับใจยิ่งขึ้นในความงามของแม่น้ำที่มองผ่านหุบเขานั้นสวยงามมาก แสงที่ส่องผ่านน้ำและเงาภูเขาที่ทอดผ่านช่องตูสานดูสวยงามมาก"

ความสงบร่มเย็นของแม่น้ำญอเกว้ผูกพันกับเรื่องราวตำนานการกำเนิดของแม่น้ำว่า เมื่อครั้งภูเขาลูกนี้ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่ น้ำที่ไหลลงมาจากเขาก็ไหลลงสู่ด้านหนึ่งของภูเขาและสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกด้านหนึ่งไม่มีแม่น้ำ ไม่มีน้ำ จึงมีสภาพแห้ง แล้งทำให้พืชพรรณไม่สามารถเจริญเติบโตได้ อยู่มาวันหนึ่ง เทพแห่งแม่น้ำขอให้เทพแห่งขุนเขาเปิดทางเพื่อให้น้ำได้ไหลทะลุไปยังอีกฝั่งแต่เทพแห่งขุนเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำให้เทพแห่งแม่น้ำต้องขอร้องไปถึงเทพเจ้าบนสวรรค์ พอถึงคืนวันหนึ่งที่มีฝนตกลมแรงหลังจากเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าจนสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และผืนดิน ขุนเขาก็แตกระเบิดแยกเป็นสองฝั่งทำให้เกิดช่องน้ำไหลทะลุไปอีกด้าน ซึ่งน้ำไหลไปถึงไหนต้นไม้ก็เจริญงอกงามตามไปถึงนั้น นับจากนั้นเป็นต้นมา กระแสน้ำก็ไหลผ่านโขดหินระหว่างขุนเขาตลอดกาลลงสู่แม่น้ำญอเกว้

Nho Que - แถบผ้าไหมสีเขียวบนที่ราบสูงหินด่งวัน - ảnh 2

เพื่อให้สามารถสัมผัสดื่มด่ำบรรยากาศที่แสนงามและโรแมนติกของแม่น้ำอย่างเต็มที่ การล่องเรือบนผืนน้ำจะเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับทุกคน เมื่อนั่งบนเรือล่องตามสายน้ำนักท่องเที่ยวจะมองเห็นทะเลสาบและผิวน้ำที่เขียวใสแสนงดงาม ได้รับลมชมวิว เพลิดเพลินกับอากาศปลอดโปร่ง  โดยเฉพาะได้ชื่นชมทัศนียภาพที่น่าทึ่งของหุบเขา ตูสาน ซึ่งเป็นหุบเขาที่สูงที่สุดและลึกที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ชื่อว่าเป็น"ช่องหุบเขาที่สง่างามที่สุด" ด้วยความยาวถึง 1.7 กม. ลึกเกือบ 1 กม.และมีหน้าผาหินสูงประมาณ 700 ม. - 800 ม. คุณเฮืองลีจากจังหวัดแทงฮว้า คุณถวียุง ชาวเวียดนามจากออสเตรเลีย และนายMoises Perez Mokk นักท่องเที่ยวจากคิวบาซึ่งได้มีโอกาสมาเที่ยวสถานที่แห่งนี้แสดงความรู้สึกว่า 

"เป็นครั้งแรกที่ผมมาเที่ยวห่ายางและทึ่งกับทัศนียภาพของป่าเขาที่นี่ ธรรมชาติงดงามดั่งภาพสะท้อนในกวี โดยเฉพาะแม่น้ำญอเกว้ที่ใสเขียวมรกตล้อมรอบด้วยป่าเขาเขียวขจี ซึ่งทำให้บรรยากาศแสนโรแมนติกน่าเที่ยวมาก ถ้ามีโอกาสกลับไปเที่ยวถิ่นตะวันตกเฉียงเหนืออีกเราก็จะกลับมาเที่ยวห่ายางอีกครั้ง"

"ก่อนที่มาเที่ยวห่ายาง เพื่อนของฉันบอกว่าที่นี่สวยมาก แต่เมื่อคิดถึงระยะการเดินทางฉันก็ลังเลใจเพราะเส้นทางคดเคี้ยวและน่าหวาดเสียวมาก  แต่เมื่อดิฉันตัดสินใจมาเที่ยวห่ายางกลางฤดูใบไม้ผลิก็ต้องทึ่งกับความสวยงามอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนกำลังลืมเวลาเพราะไม่อยากออกจากวิมานดินแห่งนี้"

"ผมประทับใจมากกับทัศนียภาพที่สวยงามน่าค้นคว้าอย่างยิ่ง ที่ประเทศของเรามีชายหาดที่สวยงามหลายแห่งแต่ไม่มีแม่น้ำใหญ่เหมือนที่นี่ ถ้ามีโอกาสผมต้องกลับมาเที่ยวอีก"

เมื่อมาเที่ยว ห่ายาง นอกจากการล่องเรือสัมผัสบรรยากาศบนแม่น้ำแล้ว นักท่องเที่ยวยังมีโอกาสร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น พายเรือคายัค พักในโฮมสเตย์ ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองและเพลิดเพลินกับบรรยากาศร้านอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของคนท้องถิ่น./.

คำติชม