การเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดการปะทะในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่เป็นพันธมิตรของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้เข้าใกล้ขอบเขตของสงครามเต็มรูปแบบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาภายหลังเกิดการโจมตีตอบโตกันไปมาที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง
การทวีความรุนแรงเต็มรูปแบบ
การเผชิญหน้าที่รุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน เมื่อเกิดการระเบิดของเพจเจอร์ และวิทยุสื่อสารพร้อมกันหลายจุดในเลบานอน ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ประชาชนหลายคนและสมาชิกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ เหตุการณ์ที่กิดขึ้นได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 40 รายและผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย ถึงแม้ว่า ฝ่ายอิสราเอลไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ แต่บรรดาผู้สังเกตการณ์ต่างแสดงความเห็นว่า นี่เป็นการโจมตีโดยตรงใส่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านอิสราเอลในภูมิภาค หลังจากนั้น กองทัพอิสราเอลได้เปิดการโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่หลายแห่งในเลบานอน ตามรายงานจากกองทัพอิสราเอล จนถึงวันที่ 26 กันยายน กองทัพอิสราเอลได้โจมตีใส่เป้าหมายกว่า 1,600 แห่งที่ได้รับการถือว่า มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในภาคใต้ของเลบานอนและเมืองหลวงเบรุต ทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหลายแห่งและผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มนี้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย
ที่ร้ายแรงกว่านั้น การโจมตีทางอากาศเหล่านี้ได้ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเกือบ 700 รายซึ่งถือเป็นการบาดเจ็บล้มตายรายวันที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองในเลบานอนเมื่อกว่า 3 ทศวรรษก่อน เพื่อตอบโต้การโจมตีนี้ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวด ส่งเครื่องบินไร้คนขับและขีปนาวุธหลายร้อยลูกโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆในดินแดนของอิสราเอล รวมถึงการโจมตีใส่เมืองหลวงเทลอาวีฟของอิสราเอลเมื่อวันที่ 25 กันยายนเป็นครั้งแรก ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ การทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็วในสนามรบในปัจจุบันได้ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ระยะเริ่มต้นของสงครามเต็มรูปแบบ นาย คาลเดาน บาร์กูตี ผู้เชี่ยวชาญที่วิจัยเกี่ยวกับอิสราเอลประเมินว่า นี่เป็นการทวีความรุนแรงที่คาดการณ์ไว้แล้วจากผู้นำอิสราเอล
“ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นตามแนวชายแดนติดกับเลบานอนทำให้ชาวอิสราเอลจำนวนมาก รวมทั้ง ครอบครัวของตัวประกันเชื่อว่าการเจรจากับกลุ่มฮามาสถูกลืมไปแล้ว และตอนนี้ ความสนใจกำลังเปลี่ยนไปยังแนวรบในภาคเหนือของอิสราเอล และการย้ายทหารจากฉนวนกาซาไปยังภาคเหนือ”
ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญ Andreas Krieg จากโรงเรียนวิจัยความมั่นคงของอังกฤษได้แสดงความเห็นว่า อิสราเอลมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในภาคเหนือ โดยทำให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต้องถอยออกไปจากชายแดนเพื่อทำให้ชาวอิสราเอลในภาคเหนือสามารถกลับบ้านได้ แต่นี่ถือเป็นแผนการที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
“นี่เป็นยุทธนาการที่มีผลตามมาที่ร้ายแรง เพราะยากที่จะบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ใดๆ เนื่องจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะไม่ถูกขับออกจากเลบานอน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะไม่ถูกทำลาย”
โอกาสที่เปราะบางสำหรับมาตรการทางการทูต
ในสภาวการณ์ที่ความเสี่ยงเกี่ยวกับการเกิดสงครามเต็มรูปแบบอาจทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางตกเข้าสู่ความสับสนวุ่นวาย ประชาคมระหว่างประเทศกำลังปฏิบัติมาตรการทางการทูตอย่างเร่งด่วนเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด โดยในสัปดาห์ผู้นำของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหรือ UNGA สมัยที่ 79 ซึ่งจัดขึ้น ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ ผู้นำของประเทศต่างๆและองค์กรระหว่างประเทศต่างเตือนถึงสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลที่ตามมาอย่างคาดไม่ถึงในภูมิภาค ไม่เพียงแต่เพราะการปะทะที่นองเลือดในฉนวนกาซาที่ไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น หากยังเป็นเพราะความเสี่ยงในการดึงกองกำลังจำนวนมากและแม้แต่ประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคเข้าร่วมสงครามอีกด้วย นาย อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติประกาศว่า
“เราเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสังหาร การทำลายล้างและการข่มขู่ และถอยออกจากปากเหวแห่งสงคราม เราต้องหลีกเลี่ยงภาวะสงครามเต็มรูปแบบด้วยทุกวิถีทาง เพราะมันจะเป็นหายนะอย่างแน่นอน”
การเคลื่อนไหวทางการทูตที่น่าสนใจที่สุดในปัจจุบันคือ ข้อเสนอของฝรั่งเศสและสหรัฐเมื่อวันที่ 25 กันยายนโดยเสนอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติคำสั่งหยุดยิงเป็นเวลา 21 วันเพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจาทางการทูต ถึงแม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศ แต่ข้อเสนอนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับจากอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในช่วงนี้ ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 กันยายน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ประกาศว่า กองทัพอิสราเอลจะเปิดการโจมตีใส่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์อย่างเต็มรูปแบบต่อไป ในขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังไม่มีท่าทีต่อข้อเสนอดังกล่าว ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ Andreas Krieg กุญแจสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดในเลบานอนในปัจจุบันคือการยุติการปะทะในฉนวนกาซา เนื่องจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยากที่จะยอมรับข้อเสนอใดๆ เกี่ยวกับการเจรจาหรือข้อตกลงกับอิสราเอล การปะทะในฉนวนกาซายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงประกาศว่า จะไม่มีการประนีประนอมใดๆ เกี่ยวกับฉนวนกาซา.