นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง (VGP) |
นี่เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้รับเชิญเข้าร่วมและกล่าวปราศรัยใน WEF ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของ WEF และประชาคมสถานประกอบการโลกต่อสถานะ บทบาทและส่วนร่วมของเวียดนามในการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค
การเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับจีนกำลังอยู่ในระยะการพัฒนาที่ดีงามภายหลัง 75 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
WEF 2025 – เวทีให้เวียดนามแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และประสบการณ์พัฒนา
การประชุม WEF เทียนจินในปีนี้เป็นกิจกรรมที่มีขอบเขตและบทบาทสำคัญอันดับที่ 2 ของ WEF Davos ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นเวทีให้ประเทศต่างๆ หารือเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และมาตรการแก้ไขในระยะยาวให้แก่ปัญหาหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก โดยมีนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีจีน หลี่เฉียง ประธานาธิบดีเอกัวดอร์ นายกรัฐมนตรีประเทศสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีเซเนกัล นายกรัฐมนตรีคีร์กีซสถานรัฐมนตรีกว่า 100 นายและผู้แทนกว่า 1,700 คนเข้าร่วม
ภายใต้หัวข้อ “จิตใจแห่งการสตาร์ทอัพในศักราชใหม่” การประชุม WEF เทียนจินเน้นหารือเกี่ยวกับปัญหาสำคัญๆ เช่น ปัญหาต่างๆ ของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มการขยายตัวใหม่ การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมและการผลิตอัจฉริยะ เป็นต้น
นอกจากเข้าร่วมพิธีเปิดฟอรั่ม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังเป็นแขกรับเชิญพิเศษที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในการสนทนานัดหารือเกี่ยวกับนโยบาย ซึ่งในสภาวการณ์ที่เวียดนามเพิ่งเสร็จสิ้น 4 มติหลักในการชี้นำประเทศ การเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนามนั้นถือว่ามีความหมายสำคัญพิเศษ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์และความตั้งใจอันแน่วแน่ในการปฏิบัติเป้าหมายการขยายตัวและการพัฒนา ความมุ่งมั่นตั้งใจธำรงเป้าหมายการขยายตัว ค้ำประกันการขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและยั่งยืนเท่านั้น หากยังส่งสารต่อนักธุรกิจโลกเกี่ยวกับความพยายามของรัฐบาลเวียดนามในการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนประกอบที่อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ให้แก่ชมรมสถานประกอบการ ความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลในการปฏิบัติมาตรการต่างๆ แบบบูรณาการ ทั้งในด้านกลไก โครงสร้างพื้นฐาน แหล่งพลังด้านการเงินและบุคลากร ซึ่งในฟอรั่มครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามเรียกร้องการลงทุนในด้านที่เวียดนามกำลังผลักดันและมีความต้องการเพื่อสร้างก้าวกระโดด เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านการเงิน
เพิ่มพลังขับเคลื่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับจีน
นี่เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมการประชุมของ WEF ณ ประเทศจีน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของเวียดนามต่อประเทศเจ้าภาพจีน พร้อมทั้งเป็นโอกาสเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามและรอบด้านระหว่างเวียดนามกับจีน
นี่เป็นการเดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อปฏิบัติภารกิจแรกของผู้นำระดับสูงของเวียดนามในปีนี้ ซึ่งมีขึ้นหลังการเยือนประเทศเวียดนามของเลขาธิการใหญ่พรรคและประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง เมื่อเดือนเมษายนปี 2025 และมีขึ้นในโอกาสที่ทั้งสองประเทศกำลังรำลึกครบรอบ 75 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและปีพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประชาชนเวียดนาม-จีน ในรายการแนะนำเส้นทางแห่งการบริจาคโลหิตหรือ แห่งจิ่งด๋อ ระหว่างมณฑลยูนนานกับเวียดนามเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ณ มณฑลยูนนานประเทศจีน นาย เฟิง จวิ้น หยาง รองหัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์มณฑลยูนนานกล่าวว่า
“ทั้งสองประเทศกำลังส่งเสริมการพบปะแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในหลายด้าน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ส่วนการพบปะแลกเปลี่ยนมิตรภาพระหว่างประชาชนของสองประเทศมีประวัติศาสตร์ที่มาช้านานและแน่นแฟ้น ผ่านการเชื่อมโยงแหล่งทรัพยากรที่หลากหลายและมรดกวัฒนธรรมของมณฑลยูนนานและเวียดนาม ผ่านการเยือนและการเรียนรู้ระหว่างกัน เราจะสร้างสะพานเชื่อมข้ามชายแดนให้แก่ประชาชนของสองประเทศและผลักดันการสร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเวียดนาม - จีน”
การที่ผู้นำระดับสูงสุดของสองพรรคและสองรัฐได้กำหนดปี 2025 เป็นปีพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประชาชนเวียดนาม-จีน โดยแปรความเข้าใจร่วมเกี่ยวกับการปรับปรุง “พื้นฐานทางสังคมที่มั่นคงมากขึ้น” ในการกำหนดแนวทางร่วมมือได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความผูกพันใกล้ชิดที่มีมาช้านานในหลายด้านระหว่างสองฝ่ายที่ได้รับการขยายผลในหมู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ในการพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนของสองประเทศที่มีขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นาย เหอเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนามได้ยืนยันว่า
“ถึงแม้สถานการณ์ภายนอกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็จะไม่เปลี่ยนแปลง จีนและเวียดนามต่างถือการพัฒนาของแต่ละฝ่ายเป็นผลประโยชน์ของตน ความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพจีน – เวียดนามจะเอื้อให้สองประเทศพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน และจิตใจนี้ได้รับการเผยแพร่ในหมู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ”
ทั้งนี้ การเดินทางไปประเทศจีนในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จะเพิ่มพลังขับเคลื่อนให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านเวียดนาม – จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ร่วมกับจีนและบรรดาผู้นำในทั่วโลกแสวงหามาตรการผลักดันแรงกระตุ้นต่างๆ ให้แก่การขยายตัวใหม่ๆ ค้ำประกันการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมท่ามกลางความผันผวนและความไร้เสถียรภาพของการเมืองและเศรษฐกิจโลก.