(VOVWorld)-วันนี้๒๑พฤศจิกายน ท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศพร้อมคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศอิตาลีและสำนักวาติกันเป็นเวลา๕วัน ซึ่งการเยือนครั้งนี้มีความหมายพิเศษในการเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อิตาลีและสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกันในเวลาที่จะถึง
ท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศเวียดนาม (Photo: vietnamplus.vn)
|
อิตาลีตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรปเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์อาณาจักรโรมในสมัยโบราณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจอิตาลีมีความหลากหลาย โดยมีหน่วยงานอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ติดอันดับ๙ของโลก นอกเหนือจากหุ้นส่วนเดิมแล้ว อิตาลีกำลังเน้นผลักดันความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนทางการค้ากับเศรษฐกิจเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียได้แก่จีน อินเดียและอาเซียน รวมทั้ง เวียดนาม
ผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างเข้มแข็ง
เวียดนามและอิตาลีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่๒๓มีนาคมปี๑๙๗๓ ในช่วงต้นปีคริสตศักราช๙๐ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยอิตาลีเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันตกที่ให้การสนับสนุนการผลักดันความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป ในฟอรั่มระหว่างประเทศ รวมทั้ง การปรับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับองค์กรการเงินและการค้าระหว่างประเทศให้เป็นปกติ ทั้งสองประเทศได้ธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงและในการพบปะครั้งต่างๆ ผู้นำอิตาลีได้ยืนยันถึงความตั้งใจเกี่ยวกับการผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านกับเวียดนาม ถือเวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการพัฒนาความสัมพันธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นจุดนัดพบของบรรดาสถานประกอบการอิตาลีตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี๒๐๒๐ ส่วนเมื่อต้นปี๒๐๑๓ ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในโอกาสการเยือนอิตาลีของท่าน เหงวียนฟู้จ๋อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
ในหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อิตาลีได้รับการเสริมสร้างและผลักดันในหลายด้าน รวมทั้ง การธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอยู่ที่๓.๓พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี๒๐๑๓และเพิ่มขึ้นเป็น๔.๓พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี๒๐๑๕
ปัจจุบัน อิตาลีมีโครงการลงทุน๗๗โครงการในเวียดนาม รวมยอดเงินลงทุน๓๖๐ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับ๓๑ในจำนวนทั้งหมด๑๑๒ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามทั้งในด้านอุตสาหกรรมการแปรรูป การผลิต รองเท้า การก่อสร้าง การผลิตเหล็กและเครื่องสุขภัณฑ์ โดยเฉพาะ รัฐบาลอิตาลีได้ระบุเวียดนามในรายชื่อ๑๐ตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน
ควบคู่กันนั้น ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างเวียดนามกับอิตาลีก็ได้มีก้าวพัฒนาที่มั่นคง ทุกๆปี กระทรวงการต่างประเทศอิตาลีได้มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทด้านภาษาอิตาลีให้แก่เวียดนาม รัฐบาลอิตาลีได้ประสานกับองค์การยูเนสโกในการช่วยเหลือเวียดนามบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานหมีเซิน รวมยอดเงินลงทุนกว่า๔แสนดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังจัดสัปดาห์วัฒนธรรมเพื่อผลักดันการพบปะสังสรรค์และส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
สำนักวาติกัน
|
การสนทนาเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนามกับสำนักวาติกัน
ในโอกาสนี้ ท่านประธานประเทศเวียดนามยังเดินทางไปเยือนสำนักวาติกัน ซึ่งวัตถุประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ก็เพื่อยืนยันแนวทางของเวียดนามคือ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับสำนักวาติกัน ยืนหยัดการสนทนากับสำนักวาติกันบนพื้นฐานของหลักการที่ได้บรรลุคือให้ความเคารพและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกัน เวียดนามมีความประสงค์ว่า สำนักวาติกันจะส่งเสริมให้ชมรมชาวคริสต์ในเวียดนามมีความผูกพันกับประเทศและประชาชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกัน
เมื่อหวนมองดูความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกันในเวลาที่ผ่านมา อาจยืนยันได้ว่า กระบวนการสนทนาได้มีส่วนร่วมพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย โดยการสนทนาอยู่บนพื้นฐานของการให้ความเคารพข้อตกลงที่ได้บรรลุ ซึ่งได้สร้างความเข้าใจระหว่างกัน จนนำไปสู่การบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ร่วมและของแต่ละฝ่าย การสนทนาครั้งต่างๆได้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การแต่งตั้งบุคลากรให้แก่สำนักงานอาร์ชบิชอปในเวียดนาม การศึกษาในต่างปะเทศของบรรดานักบวช การที่สมาคมคริสตศาสนาเวียดนามเชิญองค์การและบุคคลจากต่างประเทศมาเวียดนามเพื่อประกอบศาสนากิจ
บนพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีงามนี้ แน่นอนว่า การเยือนอิตาลีและสำนักวาติกันของประธานประเทศเจิ่นด่านกวางจะเป็นก้าวพัฒนาใหม่และสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอิตาลีและสำนักวาติกันในเวลาที่จะถึง.