เสร็จสิ้นการเจรจาเอฟทีเอ ความคืบหน้าแห่งความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอียู

Le Phuong - VOV5
Chia sẻ
(VOVworld) – หลังการเจรจาอย่างเป็นทางการ 14 ครั้งและการเจรจากึ่งวาระอีกหลายครั้งมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เวียดนามและสหภาพยุโรปหรืออียูได้ประกาศเสร็จสิ้นการเจรจาเนื้อหาสำคัญต่างๆของข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเปิดความคืบหน้าแห่งความร่วมมือและการพัฒนาใหม่ให้แก่ทั้งเวียดนามและอียู
(VOVworld) – หลังการเจรจาอย่างเป็นทางการ 14 ครั้งและการเจรจากึ่งวาระอีกหลายครั้งมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เวียดนามและสหภาพยุโรปหรืออียูได้ประกาศเสร็จสิ้นการเจรจาเนื้อหาสำคัญต่างๆของข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเปิดความคืบหน้าแห่งความร่วมมือและการพัฒนาใหม่ให้แก่ทั้งเวียดนามและอียู
เสร็จสิ้นการเจรจาเอฟทีเอ ความคืบหน้าแห่งความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอียู - ảnh 1
การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเสร็จสิ้นการเจรจาเอฟทีเอ
ระหว่างเวียดนามกับอียู

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนปี 2012 การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรือ EVFTA ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการบนเจตนารมณ์ของการเจรจาที่รวดเร็วและคล่องตัวของทั้งอียูและเวียดนาม การเจรจารอบต่างๆได้ประสบความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว หลังการเจรจาครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 13 และ 14 กรกฎาคมปี 2015 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามและข้าหลวงใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ของอียูนางซีซีเลีย เมลสตรอมได้เห็นพ้องกันที่จะเสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูหรือเอฟทีเอในขั้นพื้นฐาน เอฟทีเอเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่มีคุณภาพสูงที่สุดของเวียดนามและอียู ซึ่งคาดว่าจะเอื้อประโยชน์เป็นอย่างมากให้แก่ประชาชนและสถานประกอบการทั้งสองฝ่าย
โอกาสขยายการแลกเปลี่ยนสินค้าและเปิดตลาดระหว่างเวียดนามกับอียู
ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ของอียูนางซีซีเลีย เมลสตรอมประเมินว่า ข้อตกลงเอฟทีเอที่ทำกับเวียดนามมีความสมบูรณ์กว่าข้อตกลงเอฟทีเอที่อียูได้ลงนามกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆและยังเป็นการกำหนดมาตรฐานทางการค้าที่ดีให้แก่ประเทศสมาชิกอียูกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อตกลงจะมีผลบังคับใช้ทันทีนับตั้งแต่วันลงนาม ส่วนสินค้าส่งออกของเวียดนามร้อยละ 65 ไปยังอียูก็ไม่ต้องเสียภาษีการส่งออก นอกจากการยกเลิกภาษีแล้ว เวียดนามและอียูจะค่อยๆยกเลิกภาษีส่งออกเกือบทั้งหมดเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การเข้าถึงตลาดใหม่ในด้านบริการและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายจะยกเลิกภาษีร้อยละ 99 ตามขั้นตอน และอีกร้อยละ 1 ที่เหลือนั้นจะให้สิทธิพิเศษด้านภาษีหรือลดภาษีส่วนหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเอฟทีเอระดับสูงสุดที่เวียดนามได้ลงนามนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นายหวูฮวีหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามเผยว่า “การสนับสนุนและส่งเสริมกันในข้อตกลงฉบับนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก EVFTA จะเป็นโอกาสที่ดีให้ทั้งสองฝ่ายขยายขอบเขตความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและการนำเข้าส่งออก ในด้านการเกษตร เมื่อข้อตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สินค้าเกษตรของเวียดนาม เช่น พืช ผลไม้ สัตว์น้ำและข้าวจะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีส่งออก สำหรับสินค้าเกษตรที่เป็นจุดแข็งของอียู เช่น ข้าวสาลี ผลไม้ ผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ เป็นต้น เวียดนามจะอำนวยความสะดวกด้านการนำเข้าให้แก่สถานประกอบการและผู้ส่งออกอียู”
เฉพาะการยกเลิกและลดภาษีเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้อัตราการส่งออกของเวียดนามไปยังอียูเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ถึง 40 ส่วนหน่วยงานที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากข้อตกลงเอฟทีเอคือ สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า การแปรรูปอาหารและการแปรรูปสัตว์น้ำ ส่วนด้านบริการก็มีการขยายตัวเช่นกันและอาจมีส่วนร่วมเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การผลิตในระบบเศรษฐกิจ ส่วนผลที่ดีที่สุดของข้อตกลงคือ คำมั่นการเปิดตลาดอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญให้แก่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างเวียดนามกับอียูและช่วยเปิดตลาดที่กว้างขวางขึ้นสำหรับสินค้าส่งออก โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย
เสร็จสิ้นการเจรจาเอฟทีเอ ความคืบหน้าแห่งความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอียู - ảnh 2
เอฟทีเอมีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางการค้าเวียดนาม – อียู

เอฟทีเอมีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางการค้าเวียดนาม – อียู
ในด้านการลงทุน คำมั่นต่างๆได้ค้ำประกันบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจที่เปิดเผยและโปร่งใสมากขึ้นเพื่อดึงดูดแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพสูงของอียูและหุ้นส่วนเข้าตลาดเวียดนาม จากขอบเขตและศักยภาพการพัฒนาการลงทุนของอียูแล้ว เวียดนามยังมีโอกาสกลายเป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้า เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนของอียูในภูมิภาคนี้ ซึ่งจะผลักดันกระบวนการพัฒนาโครงสร้างของเศรษฐกิจและรูปแบบการขยายตัวที่มีประสิทธิภาพให้แก่เวียดนาม ในกระบวนการเจรจาข้อตกลง EVFTA เวียดนามและอียูได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับกรอบโครงการร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถในด้านที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้เวียดนามสร้างสรรค์ระบบกฎหมาย สนับสนุนการปฏิบัติคำมั่นต่างๆในข้อตกลงฯและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายของการขยายกิจกรรมทางการค้าและการลงทุนทวิภาคีบนพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน นายหวูฮวีหว่างเผยต่อไปว่า  “จากความได้เปรียบต่างๆ เอฟทีเอระหว่างเวียดนามกับอียูจะมีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของเวียดนาม ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัว และเพิ่มบทบาทของเวียดนามบนเวทีการค้าและการลงทุนของโลก ช่วยให้เวียดนามมีประสบการณ์มากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงกับหุ้นส่วนอื่นๆ”
เมื่อเอฟทีเอได้รับการลงนามพร้อมกับคำมั่นที่ค้ำประกันบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจอย่างเปิดเผยและโปร่งใสมากขึ้นจะช่วยดึงดูดแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพสูงจากอียูและหุ้นส่วนต่างๆเข้าสู่เวียดนาม ซึ่งเวียดนามจะมีโอกาสดึงดูดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โครงการลงทุนที่มีมูลค่าสูงและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงโครงการยกระดับคุณภาพในการให้บริการ
สำหรับความหมายของข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียู นาย Franz Jessen เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำเวียดนามเผยว่า “ข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นนิมิหมายสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างอียูกับอาเซียน หลังจากที่เสร็จสิ้นเอฟทีเอกับสิงคโปร์ นี่เป็นข้อตกลงเอฟทีเอฉบับที่ 2 ระหว่างอียูกับประเทศสมาชิกอาเซียน ข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีและทันสมัยกว่าข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอียูกับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ”
หลังก้าวกระโดดในการเจรจาข้อตกลงเอฟทีเอ คณะเจรจาเวียดนามและอียูจะแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคที่เหลือและเสร็จสิ้นงานด้านเอกสาร หลังจากนั้น จะยื่นข้อตกลงฉบับนี้ให้ประเทศสมาชิกอียูและสภายุโรปอนุมัติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายคาดว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้โดยเร็วเพื่อมุ่งสู่การลงนามภายในปีนี้.

คำติชม