พิธีลงนามสนธิสัญญาฯภายใต้หัวข้อ “การต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์-การแบ่งเบาความรับผิดชอบ-การค้ำประกันอนาคต” จะมีการเข้าร่วมของผู้แทนกว่า 1 พันคนจากประมาณ 100 ประเทศ บริษัทเทคโนโลยี นักวิจัย องค์การระดับภูมิภาคและโลก ซึ่งเป็นการยืนยันว่า  การปกป้องโลกไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง  ซึ่งหัวข้อนี้มีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับสารของประธานประเทศเวียดนาม เลืองเกื่อง คือ โลกไซเบอร์คือสมบัติของมนุษยชาติ ซึ่งจะได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพถ้าหากประเทศต่างๆร่วมมือกันรับผิดชอบ

สร้างกรอบทางนิตินัยและปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม

สนธิสัญญาฮานอยสร้างกรอบทางนิตินัยที่มี 9 บรรพและ 71 มาตรา ถือการกระทำผิดในโลกไซเบอร์เป็นอาชญากรรมทางไซเบอร์  เช่น การเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาติ    การฉ้อโกงออนไลน์ เป็นต้น การกำหนดสิทธิการสืบสวน การรวบรวมหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและการช่วยเหลือด้านเทคนิค พันโท ฝ่ามกวางฮวี จากกรมความมั่นคงทางไซเบอร์  การป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสังกัดกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนามได้เผยว่า 

“สนธิสัญญาฮานอยระบุถึงอาชญากรรมชนิดใหม่ เช่น การฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล สนธิสัญญาฮานอยยังชี้ชัดถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการแบ่งปันระหว่างประเทศ เช่น ข้อมูลของผู้ใช้ซิม ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลเนื้อหา โดยเฉพาะข้อมูลเรียลไทม์ เป็นต้น ซึ่งสนธิสัญญานี้ยังผลักดันการแก้ไขปัญหาเทคนิคดิจิทัลในการช่วยเหลือด้านตุลาการระหว่างประเทศ”

สนธิสัญญาฮานอยได้เปิดหน้าใหม่ที่รอบด้านและยุติธรรมมากขึ้น มีส่วนช่วยผลักดันการเชื่อมโยง ความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ พลโท เลซวนมิง อธิบดีกรมความมั่นคงทางไซเบอร์ การป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสังกัดกระทรวงความมั่นคงสาธารณะได้ยืนยันว่า 

“สนธิสัญญาฮานอยจะเป็นเอกสารทางนิตินัยสูงสุดของสหประชาชาติและการที่ประเทศต่างๆเห็นพ้องและลงนาม แล้วให้สัตยาบันในระดับประเทศจะสร้างกรอบทางนิตินัยในการปฏิบัติ การลงนามสนธิสัญญาดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงบทบาท ความรับผิดชอบและการตระหนักได้ดีของผู้นำประเทศต่างๆในการรับมือปัญหาระดับโลก”

เวียดนามพร้อมแปรคำมั่นระหว่างประเทศให้เป็นรูปธรรม

การที่สหประชาชาติเลือกกรุงฮานอยเป็นสถานที่จัดพิธีลงนามสนธิสัญญาฯเป็นการรับรองบทบาท ชื่อเสียงและความรับผิดชอบของเวียดนามในการแก้ไขความท้าทายด้านความมั่นคงในรูปแบบใหม่ ที่กำลังส่งผลกระทบอย่างกว้างลึกต่อสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในโลก

สำหรับเวียดนาม งานนี้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามพร้อมแปรคำมั่นระหว่างประเทศให้เป็นรูปธรรมผ่านนโยบาย กฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศ นี่เป็นช่วงเวลาที่เวียดนามผลักดันการปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ เพิ่มทักษะความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย การฝึกอบรมแหล่งบุคลากรด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ขยายเครือข่ายความร่วมมือพหุภาคีเพื่อปกป้องตนเองและมีส่วนร่วมต่อประชาคมโลก การเข้าร่วมอนุสัญญาฯและกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างสมบูรณ์จะมีส่วนช่วยสร้างโลกไซเบอร์ที่ปลอดภัยมากขึ้น อำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม  นาย ดั่งหว่างยาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ยืนยันว่า 

“เมื่อพวกเราเข้าร่วมและเดินหน้าในกระบวนการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ รับมือความท้าทายระดับโลก จะสามารถระดมแหล่งพลัง ความร่วมมือด้านเทคนิคและแหล่งบุคลากรของประเทศต่างๆในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ มีส่วนช่วยค้ำประกันความมั่นคง ความปลอดภัย สันติภาพ เสถียรภาพให้แก่ประเทศเพื่อพัฒนา พวกเราจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคโนโลยีกับประเทศที่พัฒนาเพื่อรับมืออาชญากรรมที่อันตรายนี้”

สนธิสัญญาฮานอยไม่เพียงแต่สร้างกรอบทางนิตินัยเกี่ยวกับการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์เท่านั้นหากยังสร้างนิมิตหมายด้านการต่างประเทศพหุภาคีที่สำคัญของเวียดนาม โดยเฉพาะ ในโอกาสครบรอบ 48 ปีที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ การที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามอนุสัญญาฮานอยเป็นคำมั่นที่เข้มแข็งว่า เวียดนามไม่เพียงแต่ปกป้องกิจการภายในเท่านั้น หากยังส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างประเทศ รับรองมาตรฐานสากลในการปฏิบัติเพื่อโลกไซเบอร์ที่ปลอดภัย.