ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก เป็นประธานการหารือระดับสูงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (vietnamplus) |
ในตอนต้นของสุนทรพจน์ ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า การก่อตั้งและการพัฒนาของสหประชาชาติคือสัญลักษณ์ของความไว้วางใจร่วมกันที่เข้มแข็งและชอบธรรมต่อลัทธิพหุภาคีและความร่วมมือระหว่างประเทศหลายรูปแบบหลายฝ่าย ซึ่งสิ่งนี้ได้เป็นพื้นฐานในการก่อตั้งและพัฒนา องค์กรระดับภูมิภาคหลายแห่ง รวมทั้งอาเซียนที่เป็นองค์การระดับภูมิภาคที่ได้รับการก่อตั้งเพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมที่เหนียวแน่น โครงสร้างภูมิภาคที่เปิดกว้าง โปร่งใส ครอบคลุมและพัฒนาบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์
เวียดนามเสนอมาตรการต่างๆเพื่อสร้างความไว้วางใจและป้องกันการปะทะ
ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ย้ำว่า ถึงแม้สันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาจะยังคงเป็นแนวโน้มที่ทุกฝ่ายมุ่งปฏิบัติ แต่มนุษยชาติก็ยังคงอยู่ร่วมกันท่ามกลางในบรรยากาศความมั่นคงที่มีความท้าทายมากมาย
“ในช่วง 5 ปีมานี้ การปะทะได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบครึ่งล้านคนทั่วโลก โดยเมื่อปี 2020 โลกมีผู้ลี้ภัย 20 ล้านคน ผู้ที่ต้องพลัดถิ่นจากการปะทะกว่า 50 ล้านคนและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกือบ 170 ล้านคน นี่เป็นกลุ่มคนที่กำลัง "ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือปะทะ ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนและอาณาเขตและการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ทำให้ต้องผลักดันความสามัคคีระหว่างประเทศมากขึ้น แต่ความไว้วางใจที่เรามีต่อกันและต่อกลไกพหุภาคีไม่มั่นคง ดังนั้น ต้องมีการเสริมสร้าง ความผูกพัน รวมทั้งการผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสหประชาชาติ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับองค์การระดับภูมิภาคในความพยายามร่วมกันเพื่อป้องกันและแก้ไขการปะทะผ่านการเจรจาและการสร้างความไว้วางใจ”
บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ความท้าทายที่มนุษยชาติกำลังต้องเผชิญ ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้เสนอมาตรการแก้ไขเพื่อสร้างความไว้วางใจและป้องกันการปะทะ
นั่นคือสหประชาชาติต้องเดินหน้าในกิจกรรมร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสถานการณ์เกี่ยวกับการสร้างความไว้วางใจและการสนทนาเพื่อป้องกันการปะทะ ในทางกลับกัน องค์การระดับภูมิภาคที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติ ศักยภาพและความต้องการที่หลากหลายจำเป็นต้องขยายความร่วมมือกับสหประชาชาติ ทำการสนทนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันในฟอรั่มต่างๆเพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันและแก้ไขการปะทะ ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้ย้ำว่า
“เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อบทบาทของลัทธิพหุภาคีและผลักดันการปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากลเพราะนี่คือที่พึ่งและพื้นฐานที่มั่นคงที่สุดเพื่อสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมการสนทนา อีกทั้งเพื่อป้องกันความขัดแย้งตั้งแต่เนิ่นๆต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมและรอบด้านเพื่อแก้ไขต้นเหตุของการปะทะแบบเบ็ดเสร็จ เช่น ความยากจน ความไม่เท่าเทียมและความรุนแรง ประชาคมระหว่างประเทศต้องพยายามปฏิบัติระเบียบวาระการประชุมปี 2030 เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความคิดริเริ่มและยุทธศาสตร์ระดับโลกที่เกี่ยวกับความมั่นคงและการพัฒนาที่นำโดยสหประชาชาติ ให้ความสนใจและช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีข้อจำกัดศักยภาพ”
ส่วนองค์กรระดับภูมิภาคต้องมีระเบียบวาระการประชุมที่ครอบคลุม มีการสอดแทรกกรอบและข้อคิดริเริ่มการพัฒนาของสหประชาชาติในแผนการพัฒนาระดับประเทศและภูมิภาค พยายามลดช่องว่างภายในกลุ่มเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ควบคู่กันนั้นต้องนำความร่วมมือระหว่างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับองค์การระดับภูมิภาคเข้าสู่ส่วนลึกด้วยกรอบการสนทนา ความร่วมมือและกลไก "เตือนภัยล่วงหน้า" ต่อความไร้เสถียรภาพ
ประธานประเทศยืนยันว่า ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาเซียนกำลังพยายามมุ่งสู่เป้าหมายปฏิบัติวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2025 ที่มีความสามัคคีทางการเมือง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและขยายความร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆนอกกลุ่ม ในฐานะเป็นสมาชิกที่กระตือรือร้นของอาเซียน เวียดนามกำลังควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างมีประสิทธิภาพ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก
คณะผู้แทนของเวียดนามเข้าร่วมการประชุม (vietnamplus) |
ยืนหยัดปฏิบัติแนวทางด้านการต่างประเทศที่อิสระ เป็นตัวของตัวเอง มีความสัมพันธ์ในกรอบพหุภาคี
ในตอนท้ายของบทสุนทรพจน์ ประธานประเทศ หงียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า เวียดนามเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 2 ในวาระนี้ ด้วยความปราถนาที่จะสร้างสรรค์ประเทศที่สันติภาพ เจริญรุ่งเรือง เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลก เวียดนามยืนหยัดปฏิบัติแนวทางด้านการต่างประเทศที่อิสระ เป็นตัวของตัวเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย ผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อภารกิจของสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ภายใต้แนวทาง "หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน" เวียดนามจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างสหประชาชาติกับองค์การระดับภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งอาเซียนให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่เพื่อสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาของโลก.