(VOVworld) – เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นาย บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วันที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม การเยือนครั้งนี้ได้บรรลุผลงานที่โดดเด่นทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง กลาโหม การศึกษา ฝึกอบรมและปัญหาในระดับโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือของเวียดนาม-สหรัฐที่ร่วมพัฒนาสู่อนาคตที่ดี
ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่าและประธานประเทศ เจิ่นด่ายกวาง
|
การเยือนเวียดนามของนาย บารัคโอบาม่าเป็นการเยือนเวียดนามครั้งที่ 3 ของประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากสองประเทศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งเคยเป็นศัตรูกันในอดีต การเยือนและผลงานที่โดดเด่นในการเยือนนี้ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนที่สุดถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านของเวียดนาม-สหรัฐที่กำลังเข้าสู่ระยะที่ดีงามและมีศักยภาพในอนาคต
กระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
ในการเยือนเวียดนามครั้งนี้ ประเด็นที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประชามติของทั้งสองประเทศและประชาคมโลก คือการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่า ประกาศยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรด้านอาวุธต่อเวียดนามอย่างสมบูรณ์ อันเป็นการยกเลิกกำแพงกีดกันสุดท้ายของสงครามเย็น ซึ่งเป็นก้าวเดินสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ สอดคล้องกับประกาศของนาย บารัค โอบาม่าในการพบปะกับผู้นำเวียดนาม ที่ถือว่าเป็นการพัฒนาตามปกติและความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้ปรับให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ อำนวยความสะดวกเพื่อขยายความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองฝ่าย รวมทั้งความร่วมมือด้านกลาโหม เพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ความไว้วางใจระหว่างสองประเทศ
สำหรับเวียดนาม การตัดสินใจนี้มีความหมายสำคัญ เพราะเวียดนามได้ยืนยันหลายครั้งถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของตน คือการยึดหลักของความเป็นมิตร มีแนวทางการแก้ข้อพิพาทผ่านมาตรการที่สันติ การทูตและกฎหมาย เป้าหมายของการผลักดันความสามารถด้านกลาโหมคือเพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ การที่สหรัฐตัดสินใจยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรด้านอาวุธให้เวียดนาม ไม่เพียงแต่ช่วยให้เวียดนามเพิ่มความหลากหลายของแหล่งจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เท่านั้น หากยังช่วยผลักดันความสามารถในการปกป้องตนเองอีกด้วย ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ชอบธรรมของทุกประเทศที่ถูกระบุในกฎหมายสากล สหรัฐยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในด้านตำรวจทางทะเล การค้นหากู้ภัยและให้ความสนใจมากขึ้นต่อความร่วมมือในการแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม
ประธานาธิบีด บารัค โอบาม่า พูดคุยกับเยาวชนเวียดนาม
|
การเยือนได้บรรลุผลงานที่โดดเด่นในด้านเศรษฐกิจและการศึกษา ตามแถลงการณ์ร่วมที่บรรลุระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่ากับประธานประเทศเวียดนาม เจิ่นด่ายกวาง ทั้งสองฝ่ายเน้นร่วมมือกันมากขึ้นในด้านการค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การฝึกอบรมแหล่งบุคลากรและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แนวทางนี้ก็ได้รับการพิสูจน์ผ่านข้อตกลงด้านเศรษฐกิจมูลค่าสูงถึง 1 หมื่น 6 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกลงนามในการเยือนนี้ ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นเพื่อผลักดันรัฐสภาอนุมัติข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีในปี 2016 พร้อมทั้งให้คำมั่นที่จะให้การช่วยเหลือเวียดนามในด้านเทคนิคเพื่อปฏิบัติข้อตกลงนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ในโอกาสการเยือนนี้ มหาวิทยาลัย Fullbright เวียดนามได้มอบใบรับรองการดำเนินการอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างบรรยากาศการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและบรรลุมาตรฐานสากลในเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะประสานงานในการแก้ไขความท้าทายในภูมิภาคและโลก ที่น่าสนใจ ประธานาธิบดี บารัคโอบาม่า ได้ยืนยันว่า แม้รัฐบาลชุดใหม่ของพรรคการเมืองใดขึ้นครองอำนาจ นโยบายที่มีต่อเวียดนามจะยังคงดำเนินต่อไป
มุ่งสู่อนาคต
กว่า 20 ปีก่อนตั้งแต่ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ มีชาวอเมริกันแค่กว่า 6 หมื่นคนเดินทางมาเที่ยวเวียดนามทุกปี ปัจจุบันตัวเลขนี้สูงขึ้นอยู่ที่เกือบครึ่งล้านคน ขณะที่มูลค่าการค้าต่างตอบแทนในอดีตด้านการนำเข้าส่งออกกับเวียดนามบรรลุ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น 100 เท่า ส่วนนักศึกษาเวียดนามเดินทางไปเรียนที่สหรัฐอยู่ที่กว่า 1 พันคน แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 1 หมื่น 9 พันคน
พัฒนาการที่น่ายินดีในความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐคือผลของความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองฝ่ายและแนวทางของเวียดนามเกี่ยวกับการ“มองข้ามอดีตและความแตกต่างกัน ส่งเสริมความคล้ายคลึงกัน มุ่งสู่อนาคต” ดั่งเช่นคำประกาศของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องในการเจรจากับประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่า ณ ทำเนียบขาวเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015 การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า เป็นการยืนยันอีกครั้งถึงความพยายามของทั้งสองฝ่ายบนเจตนารมณ์ดังกล่าว และเป็นนิมิตหมายใหม่บนเส้นทางที่ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ในการเยือนสหรัฐของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง แสดงให้เห็นถึงก้าวเดินที่ยาวไกลในแนวคิดของผู้นำสหรัฐต่อเวียดนามนับตั้งแต่การเยือนเวียดนามเมื่อปี 2006 ของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช นั่นคือการให้ความเคารพระบอบการเมืองของเวียดนาม โดยภาพที่ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ยกมือไว้บนหน้าอกและบอกว่า “ผมรู้สึกทราบซึ้งใจมากเพราะน้ำใจไมตรีของประชาชนเวียดนาม”เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐซึ่งเคยเป็นศัตรูกันได้กลายเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านอย่างสมบูรณ์.