(VOVWorld)-ในนัดเปิดการประชุมรัฐสภาครั้งที่๑๑สมัยที่๑๓ เมื่อเช้าวันที่๒๑มีนาคม นาย เหงวียนซวนฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้อ่านรายงานเพิ่มเติมของรัฐบาลเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม รวมทั้ง แผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในช่วงปี๒๐๑๖-๒๐๒๐ โดยกำหนดเป้าหมายโดยรวมและการวางมาตรการปฏิบัติในเวลาที่จะถึง ซึ่งบรรดาผู้แทนรัฐสภาจะแสดงความคิดเห็นต่อแผนการดังกล่าวก่อนที่รัฐสภาลงคะแนนอนุมัติในการประชุมครั้งนี้
นาย เหงวียนซวนฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
|
แผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมใน๕ปีข้างหน้าได้กำหนดเป้าหมายโดยรวมคือ ค้ำประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและพยายามเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่า๕ปีก่อน ผลักดันการปฏิบัติก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์ ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจผสานกับการเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัว เพิ่มผลผลิต ประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นฝ่ายรุกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศและยกระดับสถานะของเวียดนามบนเวทีโลก
สำหรับด้านเศรษฐกิจ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอีก๕ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ร้อยละ๖.๕-๗ต่อปี จนถึงปี๒๐๒๐ จีดีพีเฉลี่ยต่อหัวประชากรจะอยู่ที่๓,๒๐๐-๓,๕๐๐ดอลลาร์สหรัฐ อัตรามูลค่าอุตสาหกรรมและการบริการในจีดีพีจะอยู่ที่กว่าร้อยละ๘๕ อัตราแรงงานที่ผ่านการฝึกอบรมจะอยู่ที่ร้อยละ๖๕-๗๐ อัตราผู้ที่เข้าร่วมการประกันสุขภาพอยู่ที่ร้อยละ๘๕
รักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างบรรยากาศและพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม
เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงปี๒๐๑๖-๒๐๒๐ เวียดนามจะเน้นถึงการปรับปรุงระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดอย่างพร้อมเพรียงและทันสมัยบนพื้นฐานของการเคารพกฎระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดและการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก นาย เหงวียนซวนฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เผยว่า “ต้องพัฒนาและบริหารตลาดทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ ค้ำประกันการแข่งขันอย่างยุติธรรมและความโปร่งใสระหว่างผู้ประกอบการต่างๆ บริหารนโยบายการเงิน นโยบายงบประมาณและนโยบายอื่นๆอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ รักษาเสถียรภาพค่าเงินด่ง เพิ่มการสำรองเงินตราต่างประเทศ ค้ำประกันความสมดุลของเศรษฐกิจ รู้จักใช้ประโยชน์จากคำมั่นระหว่างประเทศต่างๆ ขยายและเพิ่มความหลากหลายของตลาดการส่งออก ขยายการส่งเสริมการค้าผสานกับการสร้างเครื่องหมายการค้าให้แก่สินค้าเวียดนามและพัฒนาตลาดภายในประเทศอย่างรวดเร็ว”
เวียดนามยังผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจผสานกับการเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัว เพิ่มผลผลิต ประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน นาย เหงวียนซวนฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำว่า “พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัวเพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ปฏิบัติโครงการโดยรวมเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ หน่วยงานและด้านต่างๆ ปฏิบัติมาตรการผลักดันและยกระดับประสิทธิภาพของการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจผสานกับการพัฒนาชนบทใหม่อย่างพร้อมเพรียง ผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเป็นรากฐานให้แก่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ทันสมัย เน้นพัฒนาการท่องเที่ยวให้กลายเป็นหน่วยงานเศรษฐกิจหลักและเข้าร่วมเครือข่ายการจำหน่ายของโลก พัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลพร้อมกับการปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างมั่นคง ส่งเสริมให้เศรษฐกิจภาคต่างๆลงทุนเพื่อพัฒนาหน่วยงานการทำเหมือง แปรรูปปิโตรเลียม ท่าเรือ การต่อเรือและซ่อมแซมเรือ การจับปลาและแปรรูปสัตว์น้ำ การบริการให้แก่การประมงและการท่องเที่ยวเกาะแก่งและทะเล”
เวียดนามจะปฏิบัติกฎหมายการลงทุนสาธารณะและแผนการลงทุนสาธารณะระยะกลางช่วงปี๒๐๑๖-๒๐๒๐ให้สอดคล้องกับหน้าที่การพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม เงินลงทุนของรัฐและผลักดันการดึงดูดเงินลงทุนจากภาคเอกชน
การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็น๑ในปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามในอีก๕ปีข้างหน้า
|
เน้นรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
๑ในปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามในอีก๕ปีข้างหน้าก็คือ การเป็นฝ่ายรุกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการป้องกันภัยพิบัติ ซึ่งตามนั้น เวียดนามจะผลักดันการบริหารภาครัฐ การเป็นฝ่ายรุกในความร่วมมือกับนานาประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปรับปรุงระบบกฎหมายให้สมบูรณ์ กลไกและนโยบายต่างๆ ปฏิบัติมาตรการเป็นฝ่ายรุกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การป้องกันภัยพิบัติ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างพร้อมเพรียง เวียดนามยังส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพยกรธรรมชาติและแร่ธาติอย่างมีประสิทธิภาพผสานกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการส่งออกวัตถุดิบ ยกระดับทักษะความสามารถในการเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปฏิบัติค่ำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกที่เวียดนามเสนอในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP-๒๑อย่างมีประสิทธิภาพ
การปกป้องอธิปไตยของประเทศและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก
ในอีก๕ปีข้างหน้า เวียดนามจะปฏิบัติยุทธศาสตร์การปกป้องปิตุภูมิในสภาวการณ์ใหม่และกิจกรรมการต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับหน้าที่ดังกล่าว นาย เหงวียนซวนฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ชี้ชัดว่า “ การยืนหยัดการปกป้องเอกราชและประชาธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ รักษาเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม สร้างบรรยากาศที่สันติภาพเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ เป็นฝ่ายรุกในการรับมือกับปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น พัฒนากองทัพให้ทันสมัย ยกระดับประสิทธิภาพของการดำเนินงานของกองกำลังบังคับใช้กฎหมายทางทะเล ปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศของพรรคและรัฐอย่างเสมอต้นเสมอปลาย พัฒนาความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่างๆให้เข้าสู่ส่วนลึก จริงจรังและมีประสิทธิภาพ ยกระดับงานด้านการต่างประเทศพหุภาคี โดยเฉพาะ ในอาเซียนและสหประชาชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปฏิบัติคำมั่นระหว่างประเทศและข้อตกลงการค้าเสรีแบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติงานด้านชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศให้เป็นอย่างดีและการคุ้มครองพลเมือง อำนวยความสะดวกให้แก่ชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศเข้าร่วมกระบวนการสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิ”
แผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในช่วงปี๒๐๑๖-๒๐๒๐ที่รองนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกเสนอยังชี้ชัดว่า เวียดนามปฏิบัติแผนการ๕ปีในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทั้งภายในและนอกประเทศมีทั้งโอกาสและความท้าทายไม่น้อย รัฐบาลเวียดนามจะเร่งวางโครงการปฏิบัติหลังจากที่แผนการดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียงให้สอดคล้องกับเป้าหมาย หน้าที่และมาตรการที่ได้กำหนด.