นาย ฝามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างอาเซียนกับอียูครั้งที่ 23ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปี 2020 (Photo: กระทรวงการต่างประเทศ) |
ภายหลัง 32 ปีแห่งการพัฒนาอย่างกว้างลึกและจริงจัง ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอียูได้ยกระดับขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ผ่านการที่ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นหุ้นส่วนที่มีความเท่าเทียมกันบนพื้นฐานของความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันบนทุกเสาหลัก เวียดนามมีบทบาทที่สำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู
เวียดนามสนับสนุนความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างอาเซียนกับอียู
จากการเป็นสมาชิกที่มีความคล่องตัว มีความคิดสร้างสรรค์และแข็งขันของอาเซียน เวียดนามได้เชิดชูความรับผิดชอบในการผลักดันความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนต่างๆรวมทั้งอียูอย่างกว้างลึกและมีประสิทธิภาพ เวียดนามเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศแรกที่มีทุกกรอบความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ กลาโหมและความมั่นคงกับอียู มีกลไกความร่วมมือต่างๆ ธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ โดยเฉพาะระดับสูง
เมื่อหวนมองประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปี 2020 ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างอาเซียนกับอียูครั้งที่ 23ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ นาย ฝามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามในฐานะเป็นประธานอาเซียน ได้ประกาศว่า “เวียดนามสนับสนุนการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียูเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์”
เพื่อปฏิบัติคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการสนับสนุนความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างอาเซียนกับอียู ในการประชุมประจำปีและการประชุมระดับสูงระหว่างอาเซียนกับอียู เวียดนามได้ส่งสารที่เข้มแข็งคือเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือ เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบ พร้อมร่วมกับประเทศต่างๆเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขความท้าทายที่เร่งด่วนระดับโลก มีส่วนร่วมต่อกิจกรรมด้านมนุษยธรรม เมื่อปี 2021 เวียดนามได้สมทบเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โครวการ COVAX ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีระหว่างประเทศและความรับผิดชอบของเวียดนามในความพยายามป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้ประกาศวงเงินช่วยเหลือประชาชนยูเครน มูลค่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐผ่านองค์การระหว่างประเทศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
จากความประสงค์ที่จะร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนและอียูสร้างสรรค์บรรยากาศที่สันติภาพ เสถียรภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและโลก ในกรอบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน-อียู เวียดนามได้มีคำมั่นต่างๆในระดับสูงในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ COP 26 เพื่อแบ่งปันความรับผิดชอบ มุ่งสู่การพัฒนาแห่งสีเขียวและยั่งยืน
นาย Igor Driesmans เอกอัครราชทูตอียูประจำอาเซียน |
ประชามติยุโรปชื่นชมบทบาทของเวียดนามในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู
การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของเวียดนามต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับอียูได้รับการประเมินในเชิงบวกจากประชามติ ส.ว. Andries Gryffroy รองประธานคนที่หนึ่งวุฒิสภาเบลเยียมได้เผยว่า เวียดนามมีสถานะทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เศรษฐกิจเวียดนามเป็นปัจจัยที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานและคุณค่าเศรษฐกิจของอาเซียน โดยมีความได้เปรียบต่างๆ เช่น เศรษฐกิจมหาภาคมีเสถียรภาพ คล่องตัว ตลาดอุปโภคบริโภคมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพ มีนโยบายด้านการลงทุนที่มีความต่อเนื่องเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น เวียดนามจึงมีบทบาทที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู
ส่วนนาย Igor Driesmans เอกอัครราชทูตอียูประจำอาเซียนได้เห็นว่า สำหรับอียู เวียดนามไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วนทวิภาคีที่สำคัญเท่านั้น หากยังเป็นสมาชิกที่สำคัญของอาเซียน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายต่างๆ
นาย Jeroen Cooreman อธิบดีกรมดูแลความสัมพันธ์ทวิภาคี สังกัดกระทรวงการต่างประเทศเบลเยียมได้ย้ำถึงบทบาทการเป็นสะพานเชื่อมของเวียดนามในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู โดยเผยว่า ในกรอบการประชุมระดับสูงระหว่างอาเซียนกับอียู คณะผู้แทนเวียดนามนำโดยนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ได้ให้คำมั่นเกี่ยวกับการปฏิบัติแนวทางของเวียดนามในด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับประเด็นที่ได้รับความสนใจของเบลเยียมและระเบียบวาระการประชุมของอียู
ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอียูนับวันยิ่งได้รับการพัฒนา จากที่เคยเป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือ ปัจจุบัน เวียดนามได้กลายเป็นประเทศหุ้นส่วนที่มีความเท่าเทียมและมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีกรอบความร่วมมือต่างๆ นอกจากนี้ บทบาทของเวียดนามในการผลักดันความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับอียูก็นับวันได้รับการยกระดับมากขึ้น.